บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี มองต่างมุม กรณีที่แบงก์ชาติอาจปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ จากที่โบรกเกอร์หลายสำนักมองว่าแบงก์จะได้ประโยชน์ โดยมีมุมมอง เป็นกลาง ออกไปในแนวโน้มเชิงลบ
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มแบงก์ ซึ่งยังคงให้น้ำหนักการลงทุนเป็นกลาง หรือ NEUTRAL โดยมีแนวโน้มเชิงลบ โดยระบุว่า ธปท. อาจปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็วกว่าที่เราคาดต้นปี แต่วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้อาจสั้นและจบลงด้วยเศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งปีหลังหรือต้นปีหน้า ทำให้ธนาคารอาจไม่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นในกรณีนี้ การขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงไล่ตามเงินเฟ้อในปัจจุบัน ทำให้นึกถึงสงครามเงินเฟ้อยุค Volcker ซึ่งจบด้วยเศรษฐกิจถดถอย
โมเดลของ Taylor สะท้อนว่า ธปท. ควรขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี เนื่องจากเงินเฟ้อทะลุกรอบเป้าหมายนโยบาย ความบิดเบือนจากผลของฐานที่ต่ำ ทำให้หลายคนเชื่อว่าแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว และทำให้ธนาคารกลางส่วนใหญ่คงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด
เรามองว่า ธปท. อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เนื่องจากหากลงมือช้าและน้อยไปจะคุมเงินเฟ้อไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้เวลา 6 ไตรมาสกว่านโยบายการเงินจะเห็นผลในการดึงเงินเฟ้อลง แต่หากขึ้นดอกเบี้ยอย่างดุดันเพื่อไล่คุมเงินเฟ้ออาจทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอย
แม้ตลาดอาจจะพร้อมใจกันเชียร์กลุ่มธนาคารจากประโยชน์ที่ได้จากการปรับดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตอันใกล้ แต่เรามีมุมมองการลงทุนที่ต่างออกไป การวิเคราะห์ของเรา ยืนยันว่ากลุ่มธนาคารจะได้ผลกระทบเชิงบวกจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยเฉพาะธนาคารใหญ่ที่มีสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจสูง และสัดส่วนมีบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ( CASA) สูงกว่า ซึ่งจะได้มีผลกระทบสุทธิเป็นบวกจากวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เช่น KTB, KBANK และ SCB จะเป็นธนาคารหลักที่ได้ผลประโยชน์จากแบบจำลองของเรา
อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่ใช่วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้งจะทำให้ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin หรือ NIM) ของธนาคารสูงขึ้น ในกรณีที่วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยเป็นระยะสั้นในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอจะไม่เป็นประโยชน์
เราเชื่อว่าธปท. จะเข้าร่วมการใช้นโยบายเข้มงวด ในการประชุมครั้งหน้า 10 ส.ค. 2022 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า เนื่องจากธปท. อาจกังวลว่าจะอยู่ในภาวะ ล่าช้า( behind the curve) มากเกินไป
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าเป็นความท้าทายของธนาคารในการปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อตามธปท. ในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ ในกรณีนี้เรากังวลว่าวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยอาจจบลงในครึ่งหลังของปีนี้จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้เราคงมุมมอง เป็นกลาง ต่อกลุ่มธนาคาร โดยมีแนวโน้มเชิงลบ
ทั้งนี้ ได้คาดการณ์กำไรแบงก์ในปี 2565 คาดว่าแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย จะมีกำไรมากสุด 42,063 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ กำไร 40,398 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ กำไร 30,360 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 25,512 ล้านบาท ธนาคารทหารไทยธนชาต จะมีกำไร 16,678 ล้านบาท ธนาคารทิสโก้ 6,949 ล้านบาท และธนาคารเกียรตินาคินภัทร 6,904 ล้านบาท