แนวโน้มตลาดวันนี้ (2 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวผันผวนก่อนขึ้น ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมพรรคประชาชนต่อ หลังการหารือวานนี้ยังไม่มีข้อสรุป หากมีความชัดเจนตลาดมีโอกาสฟื้นตัวจากความหวังในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ระยะสั้นการอ่อนตัวจากความไม่ชัดเจนเกิดได้ แต่คาดว่ายังจำกัด ทางเทคนิคประเมินแนวรับ 1237/1230 หากพักฐานสั้นเพื่อขึ้นไม่ควรหลุดต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นมีแนวต้านที่ 1250/1255 ยืนเหนือได้จะกลับมาเป็นการแกว่งตัวขึ้น
ประเด็นสำคัญ
• โฆษกพรรคประชาชนเผยหลังการประชุม คกก. บห. และ สส. พรรคเพื่อพิจารณาเงื่อนไขและข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยและเพื่อไทยว่าที่ประชุมยังหาข้อสรุปไม่ได้ และจะมีการประชุมต่อในวันนี้ (2 ก.ย.) อีกครั้ง ด้านประธานสภาเลื่อนการเปิดประชุมสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายกฯ เป็นวันที่ 4-5 ก.ย. นี้ แทน
• รักษาการ รมว. คลังมั่นใจร่าง พ.ร.บ. งบฯ ปี 2569 จะไม่สะดุดแม้ประเทศจะเข้าสู่ช่วงสุญญากาศทางการเมือง หลังร่าง พ.ร.บ. ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ ในวาระที่สามแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งคาดจะเสร็จสิ้นภายใน 2 วัน
• PMI ภาคการผลิตจีนโดย RatingDog (หรือ Shenzhen แทนที่ Caixin) ใน ส.ค. 2568 ปรับขึ้นสู่ 50.5 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2568 สะท้อนภาคการผลิตจีนที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง
• 3 บริษัทปิโตรฯ ญี่ปุ่น Asahi Kasei, Mitsui Chemicals และ Mitsubishi Chemical ประกาศเตรียมลดกำลังการผลิตโรงแยก Ethylene (C2) ภายในปี 2573 เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตและไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน บริษัทปิโตรฯ อื่นๆ มีแนวโน้มจะดำเนินการคล้ายกันในช่วงปี 2569-2571 เช่น Cosmo Energy, Eneos และ Idemitsu
• กลุ่มฮูตีแถลงว่าได้โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันอิสราเอล Scarlet Ray ในบริเวณตอนเหนือของทะเลแดงวานนี้ และประกาศจะดำเนินปฏิบัติการต่อไปจนกว่าสงครามในกาซาจะยุติลง
• ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า อินเดียยื่นข้อเสนอปรับลดภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษี 50% เพื่อตอบโต้การซื้อน้ำมันรัสเซีย มาตรการนี้กระทบสินค้าส่งออกกว่า 55% ของอินเดีย โดยเฉพาะสิ่งทอ อัญมณี แต่ยกเว้นอิเล็กทรอนิกส์ ยา ปธน. โมดีย้ำว่าสัมพันธ์รัสเซียเป็นความสัมพันธ์พิเศษ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหว Sideways และบรรยากาศการลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังหรือรอความชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างติตดามเสถียรภาพทางการเมืองไทย ทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนยังไม่กลับมาเต็มที่ อีกทั้งยังจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ เงินเฟ้อ ส.ค. ไทย ซึ่งหากยังลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อาจจะหนุนให้ตลาดเก็งการปรับลดดอกเบี้ยต่อ รวมทั้งดัชนี PMI การผลิตและการบริการ ส.ค. จีนและสหรัฐฯ, ดุลการค้าและตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ซึ่งหากยังไม่กลับมาแข็งแกร่งมากอย่างมีนัยสำคัญ คาดตลาดจะประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ต่อ และจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
SCC: ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากข่าว 3 บริษัทปิโตรฯญี่ปุ่นเตรียมลดกำลังการผลิตและ PMI การผลิตจีนดี ส่วน 2H68 คาดจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก มีแรงหนุนจาก 1) โครงการลดต้นทุนที่ทยอยเห็นผล 2) ผลการปรับราคาปูนซีเมนต์ขึ้น 20% จะสะท้อนมากขึ้น 3) ไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก CAP ราคาเป้าหมายระยะสั้น 222 บาท
CENTEL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ลดลง YoY น้อยลง ผลประกอบการของบริษัทน่าจะทำจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ผ่านมา และผลประกอบการต่อจากนี้จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 3Q68 ถึง 1Q69ราคาเป้าหมายระยะสั้นประเมินที่ 31 บาท