ในวันนี้ (2 มี.ค. 2566) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่าง “ทรูและดีแทค” เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ประกาศว่า บริษัทใหม่เป็นการรวมศักยภาพและจุดแข็ง   ของดีแทคและทรู มุ่งสู่การเป็นองค์กรผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทย ด้วยแนวติด “ชีวิตดีกว่า เมื่อมีกันและกัน (Better Together)”  ซึ่งถือเป็นการผสานพลังรวมกัน 1+1 เท่ากับ‘อินฟินิตี้’ สร้างศักยภาพความเป็นไปได้ใหม่ที่ไม่รู้จบ พร้อมนำ 7 กลยุทธ์หลักสู่การเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตคนไทย ลดความเหลื่อมล้ำ และขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวขึ้นสู่ผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัล  พร้อมรับภารกิจดูแลผู้ใช้งานมือถือทั้งสองแบรนด์ รวมกว่า 60 ล้านราย

นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE)  กล่าวว่าทรูและดีแทค ผนึกร่วมกันบนหลักการ Equal Partner เพื่อสร้างบริษัทโทรคมนาคมเทคโนโลยีชั้นนำ และวางเป้าหมายขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน ผู้ใช้บริการทรูมูฟ เอช 33.8 ล้านเลขหมาย และดีแทค 21.2 ล้านเลขหมาย กับผู้ใช้งานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตทรูออนไลน์ 5 ล้านราย และผู้ใช้งานโทรทัศน์ทรูวิชั่นส์ 3.2 ล้านราย ทำให้ทรูขึ้นเป็นผู้นำตลาดมือถือ

ทั้งนี้ ดีแทคและทรูได้ดำเนินการควบรวมเป็นบริษัทใหม่เรียบร้อย โดยได้รับหนังสือรับรองบริษัทใหม่ตามที่ยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ นับเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมูลต่ากิจการโดยมูลค่าราคาตลาดของทั้งสองบริษัทรวมกัน (Market Capitalization) ประมาณ 2.94 แสนล้านบาท(ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566) ก่อนที่จะขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว เพื่อเตรียมการจัดสรรหุ้นสามัญของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของทั้งสองบริษัท และการดำเนินการอื่น ๆ

“การสร้างบริษัทโทรคมนาคมเทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้ จะนำสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งทรูและดีแทคมาผนึกรวมกัน เพื่อขยายขนาด และส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้นให้กับประเทศ ลูกค้าพนักงาน และผู้ถือหุ้น ด้วยความแข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งจากองค์กรไทย คือเครือเจริญโภคภัณฑ์ และเทเลนอร์ กรุ๊ป ซึ่งบริษัทใหม่จะได้ประโยชน์ทั้งด้านการลงทุนและรายได้ อาทิ โครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เครือข่ายไอที การจัดซื้อ การขาย การตลาด ช่องทางการค้าปลีก และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่จะนำมาสู่ประโยชน์สูงสุดของลูกค้า บริษัทมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยีโทรคมนาคม ที่จะเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตคนไทย และขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทย และปูทางให้ประเทศไทยก้าวสู่ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในโลกดิจิทัลของภูมิภาค”

นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับการให้บริการธุรกิจมือถือภายใต้แบรนด์ทรูและดีแทค โดยลูกค้าสามารถใช้สัญญาณคุณภาพดีขึ้นทันทีจากสัญลักษณ์เครือข่าย dtac-True และ True-dtac บนหน้าจอมือถือ ซึ่งเป็นก้าวแรกในการพัฒนาคุณภาพสัญญาณโมบายล์อินเทอร์เน็ตด้วยการโรมมิ่งสัญญาณข้ามโครงข่าย เพื่อใช้งาน 5G และ 4G บนคลื่น2600 MHz และ 700 MHz ส่วนลูกค้าดีแทคสามารถใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz และลูกค้าทรูสามารถใช้งาน 4G และ 5G คลื่น 700 MHz ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว 

“บริษัทเตรียมจะขยายครบทั้ง 77 จังหวัดในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้  รวมทั้งยังมีแผนจะขยายโครงข่าย 5G ให้ครอบคลุม 98% ของประชากร ภายในปี 2569 ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าขยายการลงทุนโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ จะเพิ่มการบริการแพ็กเกจให้ครอบคลุม อาทิ บรอดแบรนด์ เรื่องจาก TRUE เป็นแบรนด์ที่เป็น Digital นวัตกรรม เพื่อสร้าง Value ให้กับลูกค้า

ทั้งนี้ TRUE ยังคงให้บริการภายใต้แบรนด์ทรู และ ดีแทค โดยทำการตลาดแยกกันในะระยะเวลา 3 ปี ตามมาตรการเยียวยาของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และจะไม่มีราคาบริการที่สูงขึ้น

“เรามีเป้าหมายสูงสุดในการส่งมอบสินค้าและบริการที่ดียิ่งกว่าเดิมสำหรับผู้บริโภคและจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและการแข่งขันที่สูงเพื่อลูกค้าเราจะได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ครอบคลุมถึงธุรกิจบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และบริการดิจิทัล พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์เพื่อลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง” นายชารัด กล่าว

สำหรับการผสานพลังเดินหน้า 7 กลยุทธ์หลัก มุ่งสู่เป้าหมายขององค์กร เพื่อนำประเทศไทยสู่อนาคตดิจิทัล    ได้แก่ 

1.ผู้นำด้านโครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างแท้จริง การผสานศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทใหม่ ทั้งโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล 

2.เติบโตเป็นผู้นำนอกเหนือจาปบริการหลัก โดยเดินหน้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุมมากกว่าบริการพื้นฐาน มุ่งพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัล โซลูชั่น รวมถึงระบบนิเวศดิจิทัลที่ครบวงจร เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลในทุกภาคส่วน

3.สร้างมาตรฐานประสบการณ์ใหม่เพื่อลูกค้าในประเทศไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการวิเคราะห์ เติมเต็มไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้ตรงใจมากขึ้น  รวมทั้งการนำเสนอสินค้าบริการ สิทธิพิเศษ ตลอดจนช่องทางการเข้าถึง O2O ผ่านการผนึกพลังทั้งออฟไลน์ในเครือทั่วประเทศและออนไลน์แบบ 24 ชม.

4 เติมเต็มชีวิตอัจฉริยะยิ่งขึ้นเพื่อทุกสไตล์ลูกค้าชาวไทย จะส่งมอบประสบการณ์ชีวิตอัจฉริยะเพื่อคนไทย ยกระดับวิถีชีวิต และไลฟ์สไตล์ทั้งความสะดวกสบาย การดูแลสุขภาพ ความปลอดภัย และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ซึ่งจะไม่จำกัดเฉพาะชีวิตคนเมืองเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมคนไทยทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 

5.ยกระดับมาตรฐานสำหรับลูกค้า บริษัทใหม่จะเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคธุรกิจทั้งลูกค้า SME ธุรกิจองค์กรและภาคอุตสาหกรรม เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายในทุกภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรม การเกษตร สาธารณสุข และค้าปลีก

6.สร้างสุดยอดองค์กรที่น่าทำงาน สนับสนุนกลุ่มคนหลากหลาย เป็นที่ทำงานที่ตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้มีความสามารถ (Talent) ทุกเจเนอเรชั่น มีสวัสดิการและสุขภาวะที่ดี (Well Being) เช่น ลาคลอดได้ 6 เดือน, กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศสามารถลาแต่งงานได้ ฯลฯ

7.การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มคุณค่าขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาว มุ่งเน้นการนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม มาร่วมสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับทุกชีวิต นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล

ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutral ในปี พ.ศ. 2573  และ Net zero ภายในปี พ.ศ. 2593 รวมทั้งการลดปริมาณขยะฝังกลบและขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในปี พ.ศ. 2573