Market

BWG มีเฮ..! โบรกฯอัพเป้า 3.12 บาท บริษัทลูก ETC ชนะประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 10 โครงการ รวม 80 MW
6 เม.ย 2566

บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ  ETC ซึ่งเป็นบริษัทลูก บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน หรือ BWG ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 44% ชนะประมูลโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมทั้ง 10 โครงการที่ยื่น ได้โครงการละ  8 เมกะวัตต์  รวมทั้งสิ้น 80 เมกะวัตต์ บล.ทรีนีตี้ อัพเป้า เป็น 3.12 บาท ส่วน ETC ขยับเป็น 8.80 บาท

 

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2565-2573 สำหรับขยะอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565  โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้พิจารณาเห็นชอบผลการคัดเลือก ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก จำนวน 13 ราย ปริมาณเสนอขายรวม 100 เมกะวัตต์ 

 

โดยผู้ชนะประมูล 10 ใน 13 ราย เป็นโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC) มีปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายที่ได้รับคัดเลือก โครงการละ 8  เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 80 เมกะวัตต์ 

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ บล.ทรีนีตี้ มีมุมมองบวกต่อ BWG ที่เข้าที่เข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ผ่านบริษัทลูก คือ ETC เพราะมีจุดแข็งที่เป็นผู้รับกำจัดขยะอุตสาหกรรมกว่า 20 ปี 

 

โดยประเมินว่าธุรกิจรับกำจัดขยะอุตสาหกรรมของ BWG น่าจะโตได้ราว 10% และมีอัตรากำไรขั้นต้น หรือ Gross Margin ที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ 20% จากปี 2565 ที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10% ซึ่งมาจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มกลับมาดีขึ้นส่งผลให้ปริมาณของขยะอุตสาหกรรมที่ต้องกำจัดมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 จะกลับมามีกำไรอีกครั้ง ที่ประมาณ 85 ล้านบาท จากปี 2565 ที่คาดว่าจะขาดทุน 76 ล้านบาท   

 

กรณีชนะประมูลโรงไฟฟ้าได้กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ จะทำให้ BWG จะมีกำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้นอีก 0.12 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าจากปัจจุบัน โดยประเมินมูลค่าส่วนเพิ่มในกรณีฐาน 50 เมกะวัตต์ ที่ 1.10 บาท แบ่งเป็นมูลค่าจาก โรงงาน Solid Refused Fuel (SRF)ผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม ใหม่ที่สร้างเพื่อรองรับโรงไฟฟ้า 50 เมกะวัตต์ มูลค่าต่อหุ้น 0.33 บาท และส่วนของโรงไฟฟ้าที่ BWG ถือหุ้น ETC 44% คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น 0.77 บาท 


ให้ราคาเป้าหมายปี 2023 ของ BWG ไว้ที่ 2.02 บาท โดยประเมินมูลค่าส่วนเพิ่มในกรณีชนะประมูล 50 เมกะวัตต์ ที่ 1.10 บาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าจากโรง SRF ใหม่ที่สร้างเพื่อรองรับโรงไฟฟ้าจำนวน 5 โรง มูลค่าต่อหุ้น 0.33 บาท และส่วนของโรงไฟฟ้าที่ BWG ถือหุ้น ETC 44% คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น 0.77 บาท

 

จากการประเมินมูลค่าหุ้น โดยพิจารณาจากมูลค่าของบริษัทลูกที่ถืออยู่ (วิธี SOTP หรือ Sum-of-the-part) แบ่งเป็นมูลค่าธุรกิจปัจจุบันประมาณ 0.93 บาท อิงจากราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี ( P/BV) ที่ 1.15 เท่า และ โครงการ SRF Plant 0.33 บาท อิงค่าพี/อี ที่ 10 เท่า และมูลค่าโรงไฟฟ้าถือหุ้นผ่าน ETC ที่ถือในสัดส่วน 44% ที่ 0.77 บาท จะได้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 2.02 บาท


อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ของ บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์ก่อนการประกาศผลการคัดเลือกนั้น ประเมินมูลค่าหุ้น กรณีชนะประมูลแค่ 5 โรง หรือ 50 เมกกะวัตต์ แต่ผลการพิจารณาชนะทั้ง 10 โรง รวม 80 เมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าที่บล.บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์ไว้

 

ล่าสุด บลทรีนีตี้เพิ่งอัพเดท ระบุว่าการชนะโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมของ ETC ครั้งนี้เป็นไปตามดีกว่าคาดไว้ โดยออกมาในกรณี Best Case ทั้ง 10 โครงการ ซึ่งจะทำให้ 


1) ETC มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาอีก 80 MW เพิ่มขึ้นมาอีกว่า 5 เท่าจากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 16.5 MW 


2) ETC กำไรจะมาเป็น 1.6 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าบนสมมติฐานกำไรต่อ MW ประมาณ 18 ล้านบาทต่อ MW  


3) ETC Target Price ใหม่ของเราจะเป็น 8.80 บาทในกรณีนี้


4) สำหรับ BWG จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ETC เข้ามากว่าปีละ 630 ล้านบาท 


5) BWG จะต้องสร้าง Solid Recovered Fuel (SRF) Plant 2,500 ตันต่อวันเพื่อรองรับโรงไฟฟ้า ETC ทั้ง 10 โรง ซึ่งจะสร้างกำไรได้ราวปีละ 80-100 ล้านบาท 

 

6) BWG Target Price ของเราจะปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.12 บาท 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com