แนวโน้มตลาดวันนี้ (23 พ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองตลาดมีโอกาสรีบาวด์ช่วงสั้นตามแนวรับ 1170/1155 หลังลงมาต่อเนื่องและเริ่มเข้าใกล้แนวรับแรก 1170 ทำให้มีโอกาสชะลอการลง อีกทั้งความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 30 ปีเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากอัตราผลตอบแทนกลับมาปรับตัวลง -10bps ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแรง
ประเด็นสำคัญ
• สภาคองเกรสมีมติผ่านร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณรายจ่ายด้วยคะแนน 215-214 โดยมีสาระสำคัญ เช่น ขยายเพดานหนี้รัฐบาลอีก 4 ล้านล้านดอลลาร์, ต่ออายุมาตรการลดภาษีจากยุคทรัมป์ 1, เพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีท้องถิ่น เป็นต้น ขณะที่ Moody’s เตือนแผนนี้อาจเพิ่มแรงกดดันต่ออันดับความน่าเชื่อถือ
• OPEC+ ส่งสัญญาณเร่งการเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบใน ก.ค. เป็น +4.11 แสนบาร์เรล/วัน หรือกว่าสามเท่าจากแผนเดิมต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามเพื่อลงโทษประเทศสมาชิกที่ผลิตเกินโควตา ทั้งนี้ติดตามการประชุมร่วมของประเทศสมาชิกในวันที่ 25 พ.ค. นี้
• คลังหารือหน่วยงานต่างๆ เพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะนำมาใช้กระตุ้น ศก. ภายใต้วงเงิน 1.57 แสนลบ. ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปรายละเอียดภายในสิ้น พ.ค.นี้ เนื่องจากต้องแข่งกับเวลาที่เหลือแค่ 4-5 เดือน โดยจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งการจ้างงาน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 4 ด้าน ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม.
• ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์ เม.ย. 68 ลดลง 0.4%YoY ต่ำสุดในรอบ 44 เดือน ขณะที่ยอดส่งออกลดลง 6.31%YoY ส่วนยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 0.97%YoY จากการขายรถ EV โดยมีการส่งออก EV เป็นเดือนแรกที่ 660 คัน แนะจับตาการเจรจาภาษีสหรัฐ พร้อมเตรียมทบทวนลดเป้าผลิตรถปีนี้ มองเป็นลบต่อกลุ่มยานยนต์
• ททท. ขอเวลา 1 เดือนหลังจัดงานสวัสดีหนีห่าว (28 พ.ค. -1 มิ.ย. 68) เพื่อประเมินปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะลดลงเหลือ 5 ล้านคนได้หรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวรอหาปัจจัยหนุนใหม่และความคืบหน้าการเจรจากการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปตอบรับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลงในระดับหนึ่ง จนทำให้ SET ปรับขึ้นมายืนเหนือ 1200 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า 3% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคก่อนเกิดเหตุการณ์ ปธน. ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าแล้ว อย่างไรก็ดีหากดัชนีปรับลงหรือพักตัวลงมาที่ระดับ 1155/1120-1100 มองจะเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว หลังประเมินว่าสถานการณ์สงครามการค้าโลกที่เลวร้ายสุดได้ผ่านไปแล้วในแง่ของระดับภาษีที่สูงสุด รวมทั้งอยู่ระหว่างการประกาศข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
BDMS: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากเป็นหุ้น Defensive และมีโอกาสรีบาวด์หลังลงต่อเนื่อง สวนทางกำไรปกติ 1Q68 ที่ทำ New High และแนวโน้มยังดีต่อใน 2Q68 โดยเติบโต YoY (จากรายได้และ EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้น) แต่ชะลอตัวลงQoQ (จากผลฤดูกาล) โดยปี 2568 คาดกำไรปกติเติบโต 8%รวมทั้งคาดเป็นเป้าหมายกองทุน ThaiESGX
ADVANC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากมีโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรยังเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งผลสรุปการประมูลคลื่นความถี่ใน 2Q68 ที่คาดว่าจะออกมาเป็นบวก จะส่งผลทำให้มีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยง Downside จำกัดท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาษีการค้า