AQUA จับมือ NEWS เดินหน้า Fintech เปิดตัวบริการสินชื่อ P2P Lending เจ้าแรกของไทย โดยส่ง Peer for All รุกตลาดสินเชื่อระหว่างบุคคล ผ่านแอปฯ SHARELOAN เริ่มให้บริการไตรมาส 4/65 เพียงมีหุ้นมาวางค้ำประกัน ก็ขอสินเชื่อได้ อนุมัติภายใน 1 วัน วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยกู้ราว 3.5-4%ต่อปี จับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ-รายย่อยต้องการสภาพคล่อง คาดปี 66 ปล่อยกู้ได้ราว 3 พันล้านบาท หวังทำรายได้จากส่วนต่างดอกเบี้ย 70 ล้านบาท ส่งกำไรให้บริษัทแม่ได้เต็มมือปีหน้า
บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “AQUA” ร่วมกับ บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “NEWS” รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงความร่วมมือทางธุรกิจ “การลงทุนซื้อ Peer-to-Peer (P2P) Lending ที่ผ่านการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย โดย AQUA และ NEWS เป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศ” ซึ่ง AQUA และ NEWS ร่วมกันลงทุน ในบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัด (“PFA”) เพื่อประกอบธุรกิจ Peer-to-Peer Lending หรือ P2P ในสัดส่วนร้อยละ 60 สำหรับบริษัท AQUA และ ร้อยละ 40 สำหรับบริษัท NEWS ในราคารวมทั้งสิ้น 500 ล้านบาท ภายใต้คอนเซปต์ “เดินหน้า Fintech นวัตกรรมการเงิน ”
นายฉาย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ (รักษาการ) บมจ. อควา คอร์เปอเรชั่น หรือ “AQUA” กล่าวว่า ทิศทางการเติบโตของ AQUA จะเดินไปสู่การเป็นธนาคารรูปแบบใหม่ "Neo Banking" โดยขณะนี้เริ่มต้นจากการให้บริการสินเชื่อระหว่างบุคคล P2P Lending ผ่านแอปพิเคชั่น SHARELOAN และในอนาคตต้องการจะเป็นรูปแบบธนาคารยุคใหม่ที่ไม่มีสาขา (Neo Banking) ซึ่งเป็นโลกฟินเทคที่ใช้นวัตกรรมให้บริการทางการเงินต่างๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องไปทำที่ธนาคารพาณิชย์แล้ว ซึ่งขณะนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ก้กำลังทำประชาพิจารณ์การให้บริการประเภทธุรกิจ Merchants Bank ซึ่งจะเป็นรูปแบบธนาคารยุคใหม่ที่ไม่มีสาขา หรือที่ในต่างประเทศเรียก Neo Banking
นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ AQUA ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ธุรกิจ FinTech เป็น Mega Trend ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและเติบโตเป็นอย่างมาก ในช่วงที่ AQUA มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจนั้น ก็ได้มองหาสิ่งใหม่นวัตกรรมใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ธุรกิจเดิม ทาง AQUA จึงตัดสินใจเลือกลงทุน FinTech ในรูปแบบ P2P Lending ผ่านแอปพิเคชั่น SHARELOAN เนื่องจากมองว่าเป็นระบบการกู้ยืมเงินที่สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ที่มีความต้องการกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินแต่กลับถูกปฏิเสธ หรือแม้กระทั่งสามารถแก้ปัญหาลดการพึ่งพาการกู้หนี้นอกระบบของคนไทยได้อีกด้วย โดยในเฟสแรก ผู้กู้สามารถนำหุ้นมาวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อผ่านแอปฯ ที่คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้
"เรามองว่าโมเดล P2P Lending นี้ มีแนวโน้มการเติบโตสูง ทาง AQUA และ NEWS จึงตัดสินใจร่วมลงทุนโดยจัดตั้งบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือสิทธิ์บริหารใน “Nestifly” ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Peer to Peer Lending Platform (P2P) ให้บริการกู้ยืมระหว่างบุคคลกับบุคคลผ่านแพลตฟอร์ม โดยการให้บริการผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางและสนับสนุนการก่อให้เกิดการกู้ยืมระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ เป็นการจับคู่ระหว่างผู้ที่ต้องการกู้เงินและผู้ที่ต้องการให้กู้ ซึ่งจะเป็นการกู้ยืมรูปแบบใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนการกู้ยืมผ่านธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินแบบที่คุ้นเคย " นายชัยพิพัฒน์ กล่าว
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัด ได้แก่ บมจ. อควา คอร์เปอเรชั่น ถือหุ้นใหญ่ 60% และบมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 40% ทั้งนี้ ‘Nestify’ เป็นผู้ประกอบการรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ P2P ดังกล่าว
สำหรับวิธีการปล่อยกู้ P2P บนแอปฯ SHARELOAN ในเฟสแรก จะเปิดให้ผู้กู้สามารถใช้หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของไทย มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ โดยจะต้องเป็นหุ้นใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม SET 100 สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ในแอปฯ ที่มีแบบฟอร์มให้กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้กู้ ความต้องการวงเงินกู้ หุ้นที่จะนำมาค้ำประกัน และวัตถุประสงค์การขอกู้ ซึ่งจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ กู้ใช้ส่วนตัว หรือกู้เพื่อธุรกิจ หลังจากนั้นระบบจะใช้เวลาราว 1 วันในการพิจารณาอนุมัติและเงินจะโอนเข้าบัญชีผู้ต้องการกู้เงิน โดยวงเงินขอสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 3-9 เดือน หากครบกำหนดอายุดังกล่าว สามารถขอรีไฟนนซ์ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
ด้านผู้ให้กู้ในฐานะนักลงทุน จะสามารถเลือกปล่อยกู้ได้ โดยบนแพลตฟอร์มของ Nestifly จะจัดกลุ่ม LTV (การตีมูลค่าหลักประกัน) สำหรับหุ้นที่จะนำมาวางค้ำประกันจะถูกจัดเป็น 3 กลุ่ม คือ LTV ระดับ 50% ระดับ 40% และ 30%
"การบริหารจัดการความเสี่ยง "หุ้น" ที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เนื่องจากราคาประเมินของหุ้นตัวนั้นๆ จะคำนวณค่าเฉลี่ยจากราคาหุ้นย้อนหลัง 10 ปี ซึ่งในช่วงระหว่างการกู้ยืม หากราคาหุ้นเกิดปรับตัวลดลงตามเกณฑ์ จะถูกเรียกเงินเติมเพื่อให้เต็มสัดส่วนที่กำหนด หากผู้กู้ไม่สามารถใส่เงินกู้เข้ามาได้ จะมีการขายหุ้นดังกล่าวออก โดยการบังคับขายที่เกิดขึ้น จะยังได้เม็ดเงินที่ครอบคลุมเงินต้นกู้ยืม ซึ่งช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวให้แก่ผู้ให้กู้หรือนักลงทุนได้ แต่ในกรณีเกิดการผิดนัดชำระหนี้ เราก็จะมีว่าจ้างที่ปรึกษาทางกฎหมายทวงหนี้ให้บริการด้วย " นายชัยพิพัฒน์กล่าว
ส่วนกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็น่าจะเป็นเอสเอ็มอีหรือรายย่อยที่ต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติม ซึ่่งในเบื้องต้นที่ใช้หุ้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เนื่องจากพบว่า ปัจจุบันนักลงทุนรุ่นใหม่อายุ 20 ปี จำนวนเพิ่มขึ้นมากในตลาดหุ้นมาก ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่มีสินทรัพย์ เช่น บ้าน รถ โฉนดที่ดิน ใดๆ เพื่อมาใช้ค้ำประกันได้ ทำให้เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนของสถาบันการเงินที่ต้องมีสินทรัพย์เหล่านี้
สำหรับรายได้ของบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล มาจากส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างผู้ให้กู้และผู้ขอเงินกู้ ซึ่งคาดว่าส่วนต่างจะอยู่ที่ระดับ 2% ซึ่งในปีแรกที่ให้บริการเต็มๆปี คือ ปี 2566 ตั้งเป้าหมายจะสามารถให้กู้ได้ราว 3 พันล้านบาท ก็คาดว่าน่าจะมีกำไรราว 70 ล้านบาทได้ อย่างไรก็ตาม ในเฟสต่อๆไป จะมีการเปิดให้นำสินทรัพย์ เช่น บ้าน รถ โฉนดที่ดิน มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งจะต้องมีการหารือกับทางการ ส่วนเป้าหมายในระยะ 3-5 ปี การปล่อยสินเชื่อ P2P คาดหวัง 20,000 ล้านบาท
นายชัยพิพัฒน์ กล่าวถึงสัดส่วนรายได้ของ AQUQ ว่า ปัจจุบัน โครงสร้างหลักมาจากธุรกิจคลังสินค้า มีกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อมและดอกเบี้ย (EBIDA) 200-300 ล้านบาท ส่วนธุรกิจป้ายโฆษณา ยังขาดทุนเนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่า ไตรมาสที่สองนี้จะเริ่มดีขึ้น สำหรับธุรกิจลงทุนโรงไฟฟ้า มีเงินปันผลเข้ามาราว 100 ล้านบาท ส่วนธุรกิจสินเชื่อระหว่างบุคคล P2P คาดจะเห็นรายได้เข้าในปีหน้า
ด้านนายกฤษฎา พฤติภัทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEWS กล่าวถึงการได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ AQUA ว่า ทาง NEWS เองก็กำลังอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนพร้อมมุ่งสู่การดำเนินธุรกิจแนวใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับบริษัท ถือเป็นก้าวสำคัญที่ NEWS จะได้พัฒนาแผนธุรกิจของเราต่อไปในทางที่มีความสนใจในอนาคตอีกด้วย และขณะนี้ NEWS ก็กำลังต่อยอดธุรกิจ Fintech ในเรื่องการให้บริการด้านการลงทุน ทั้งในรูปแบบบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) และ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)
"ซึ่งบล. ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม กำลังดำเนินการในขั้นตอนสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อที่จะสามารถประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และให้บริการด้านการลงทุนกับประชาชนได้อย่างเต็มที่ โดยเราจะให้ บล. ลิเบอเรเตอร์ เข้ามาเป็นคัสโตเดียนในการดูแลหุ้นที่เป็นหลักประกันของ Nestifly ด้วย ซึ่งจะให้บริการพร้อมกัน คือ ราวไตรมาส 4 นี้ "นายกฤษฎากล่าว