กรุงเทพประกันภัย ทำใจปีนี้คาดเบี้ยรับรวมแตะ 32,500 ลบ. โต 2.6 %- 3% พลาดเป้า ลั่นประคองกำไร BKIH ได้เท่าปี 67 ที่อยู่ระดับ 3 พันลบ. ชี้ปีนี้อ่วมเจอทั้งเศรษฐกิจแย่รอบ 3 ปี ฉุดอุตสาหกรรมประกันภัยโตต่ำ ตลาดประกันรถแข่งดุ สะดุดเคลมหนักแผ่นดินไหว-ถนนสามเสนทรุด ปักธงปี 69 เบี้ยรวมโต 5%ถึง 6% มั่นใจรัฐบาลใหม่ดันเศรษฐกิจไปต่อได้
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BKIH เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2568 และวางเป้าหมายปีหน้า 2569 ว่า ปีนี้เป็นปีที่เศรษฐกิจยากลำบากที่สุดในรอบ 3 ปี มีทั้ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงการบริโภคภาคเอกชนใช้จ่ายต่ำด้านการส่งออกก็มีปัญหาจากค่าเงินบาทแข็งและภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐอัตรา 19% ที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าของจีนที่เข้ามาไทยในราคาที่ถูก ทำให้ SMS ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนได้ ด้านเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ภายใต้เศรษฐกิจที่ไม่โต แน่นอนว่าภาคธุรกิจประกันก็ไม่สามารถหนีพ้นผลกระทบของเศรษฐกิจในปีนี้ โดยปีนี้ทั้งปีคาดว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ราว 2 % หลังจากที่ครึ่งปีแรกจีดีพีโต 3% ส่วนอุตสาหกรรมประกันภัยทั้งระบบ ช่วงครึ่งปีแรกเติบโตประมาณ 3% และคาดว่าปีนี้ทั้งปีอุตสาหกรรมประกันภัยโต 1.5%- 2.5%
สำหรับกรุงเทพประกันภัยคาดว่าปีนี้เบี้ยรับรวมเติบโตได้ 2.6 %- 3% หรือคิดเป็น 32,500 ล้านบาท โตต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 8% ซึ่งเป็นผลจากพอร์ตประกันภัยรถ (พอร์ตมอเตอร์) มีเบี้ยฯติดลบ 5% เกิดจากตลาดแข่งขันตัดราคาเบี้ยรถฯและบริษัทเลือกจะไม่รับประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ครึ่งปีแรกเบี้ยรับรวมของบริษัทเติบโตไม่มาก แต่คาดว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง รัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายต่างๆ เช่นโครงการคนละครึ่งมูลค่า 60,000 ล้านบาทที่กระตุ้นการใช้จ่ายได้มากขึ้น และช่วยต่อลมหายใจ ให้ SME ได้ระดับหนึ่ง โครงการเมกะโปรเจค ซึ่งบริษัทจะมีเบี้ยส่วนนี้เจ้ามาปีละ 700 - 800 ล้านบาท นอกจากนี้ มีเบี้ยฯประเภทอื่นๆ เช่น Data Center ของ Google เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมจะโตต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ยังมั่นใจว่าปีนี้กำไรสุทธิยังทำได้เท่าปีแล้ว โดยปี 2567 BKIH กำไรสุทธิ 3,046 ล้านบาทซึ่งกำไรหลักมาจากกรุงเทพประกันภัย สำหรับพอร์ตลงทุน อยู่ที่ 36,000-37,000 ล้านบาท ณ ราคาทุน โดยหลักๆยังเป็นเงินฝากประจำ และ หุ้น
"ปีนี้เราโตต่ำกว่าเป้าหมาย การที่บรรทัดบน (เบี้ยรับรวม) เราโตน้อย แต่เราสามารถรักษามาตรฐานได้เราเชื่อว่า bottom line (กำไร) ในปีนี้ เรายังทำได้เท่าปีแล้ว ... ยอมรับว่าการรักษาผลประกอบการให้มีดุลยภาพเป็นความยากที่สุดของธุรกิจประกันภัย“
สำหรับปีนี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดการเคลมของตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคอนโดมิเนียมต่างๆ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการส่งเคลมของลูกค้ามาที่บริษัท จึงยังไม่สามารถสรุปความเสียหายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมความเสียหายของเหตุแผ่นดินไหวฯ เป็นของบริษัท 4,100 ล้านบาท แต่บริษัทได้มีการรับประกันภัยต่อออกไป เพราะฉะนั้น บริษัทจะรับผิดชอบต่อความเสียหายส่วนแรกเพียง 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ บริษัทได้ทำการซื้อประกันภัยต่อ top up อีก 300 ล้านบาท เป็นการกระจายความเสี่ยงออกไปตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทำให้กำไรลดลง นอกจากนี้ยังมีจ่ายเคลมแผ่นดินไหวอีก 100 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรในช่วงครึ่งปีแรกลดลง 400 ล้านบาท แต่การซื้อประกันภัยต่อเพิ่มขึ้น จะส่งผลบวกต่อบริษัทในปีหน้า
ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวถึงการเติบโตของบริษัทในปีหน้า คาดว่าเบี้ยรับรวมเติบโต 5%-6% โดยมองว่า นโยบายต่างๆของภาครัฐจะผลักดันเศรษฐกิจไปต่อได้ ในส่วนของประกันภัยรถยนต์ยืนยันจะไม่แข่งขันราคากับตลาด โดยจะเลือกรับประกันภัยรถในตลาดที่เชี่ยวชาญมากกว่า