แนวโน้มตลาดวันนี้ (20 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวผันผวน แต่ที่บริเวณใกล้ Low เดิม 1056 มีโอกาสรีบาวด์ได้สูง มีแนวรับที่1056 และ 1050 ส่วนแนวต้านที่ 1080/1095 สถานการณ์ในตะวันออกกลางตลาดรอดูว่าสหรัฐฯ จะเข้าร่วมสงครามหรือไม่ และการเมืองในประเทศหากมีความชัดเจนมีโอกาสที่จะทำให้ตลาดรีบาวด์ หลังตลาดตอบสนองเชิงลบมาระดับหนึ่งแล้ว ติดตาม รสทช. เข้าหารือนายกฯ
ประเด็นสำคัญ
• นายกฯ ส่งสัญญาณดำรงตำแหน่งต่อ และพรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่เดินหน้าร่วมรัฐบาลต่อ ยกเว้นพรรค รทสช. ที่จะต้องติดตามการพูดคุยเงื่อนไขใหม่ก่อนที่จะมีมติพรรค โดยได้มอบหมายหัวหน้าพรรคเข้าหารือกับนายกฯ
• ธปท. เผย 3 ผู้รับเลือกอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank ได้แก่ บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้งส์ จำกัด (เครือ CP), กลุ่ม KTB-AIS-OR และกลุ่ม SCBX-WeTechnology-KakaoBank ทั้ง 3 รายมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งจะนำมาสู่ความหลากหลายในระบบ ศก. การเงิน ผู้รับคัดเลือกมีเวลา 1 ปีในการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มดำเนินการ
• กบน. มีมติปรับลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับดีเซลอีก 70 สต./ลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อรอบรับราคาน้ำมันโลกที่ผันผวนจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ทั้งนี้ กบน. ได้ประกาศลดอัตราเงินสมทบเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนนี้ รวม 2.10 บาท/ลิตร
• สำนักข่าว Mehr ของอิหร่านรายงานรัฐสภาอิหร่านกำลังพิจารณาแผนการปิดช่องแคบ Hormuz เป็นทางเลือกเพื่อตอบโต้การรุกราน ด้าน Bloomberg รายงานสหรัฐฯ กำลังเตรียมโจมตีอิหร่านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และ WSJ เผย ปธน. ทรัมป์ได้อนุมัติแผนการโจมตีอิหร่านแล้วแต่ยังไม่อนุมัติให้เริ่มปฏิบัติการ
• กรมรางเผยยอด ผดส. รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเมืองทองธานีหลังเริ่มเก็บค่าโดยสารวันแรกลดลง 68% เหลือเพียง 2,168 คน-เที่ยว/วัน เมื่อเทียบกับยอดเฉลี่ยช่วงทดลองระหว่างวันที่ 20 พ.ค. – 16 มิ.ย. 2568 ซึ่งทับซ้อนกับช่วงงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2025 ที่มียอดเฉลี่ยสูงถึง 16,669 คน-เที่ยว/วัน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวน อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม (ญี่ปุ่น อินเดีย) หลังมีข้อสรุปเบื้องต้นกับจีนแล้ว รวมถึงการแจ้งอัตราภาษีแบบฝ่ายเดียวกับประเทศอื่นๆ ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยภายในยังติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง (การปรับ ครม.) และการออกมาตรการกระตุ้น ศก. (เที่ยวไทยคนละครึ่ง และโครงการกระตุ้น ศก. 1.57 แสนลบ.) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่า ช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงสะท้อนวิกฤติจากนโยบายเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไปแล้ว (มอง SET ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้วที่ Downside 1,032 จุด) และยังคงมุมมองว่าหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1100 ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
DIF: มองมีปัจจัยระยะสั้นจากการไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาด แนวโน้มใน 2Q68 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีสูงถึง 11% ในปี 2568 และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกใน 2H68 จะเป็นปัจจัยกระตุ้นได้
PTT: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพง โดยซื้อขาย PBV 2568F ที่ระดับ 0.7 เท่า (-1.5 SD) และ PER ที่ระดับ 7.5 เท่าเทียบค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ PBV 1.3 เท่า และ PER 14.6 เท่า อีกทั้งปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตเด่น 44%YoY และให้ Div. Yield ปีนี้สูงราว 6-7%