แนวโน้มตลาดวันนี้ (30 ก.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/แกว่งขึ้น หลังสถานการณ์ไทย-กัมพูชาคลี่คลายและความคาดหวังว่าการเจรจาภาษีศุลกากรสหรัฐฯ จะมีข้อสรุปก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. นี้ ขณะที่ Fund Flow ยังมีสัญญาณไหลเข้า นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกที่ 3.3 พันลบ. แนวรับประเมินไว้ที่ 1225/1220 ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1240/1255
ประเด็นสำคัญ
• กองทัพบก (ทบ.) เผยผลการประชุมระหว่างผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในหลายจุดปะทะร่วมกันเห็นชอบการหยุดยิงและห้ามเสริมกำลังหรือเคลื่อนย้ายกำลังเพื่อหลีกเลี่ยงความหวาดระแวง และให้ผู้นำแต่ละระดับสามารถติดต่อกันได้เมื่อมีเหตุจำเป็น
• เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและจีนเผยได้ตกลงจะขยายระยะเวลาการระงับขึ้นภาษีศุลกากรระหว่างกันออกไป หลังเสร็จสิ้นการเจรจาที่สวีเดนแล้ว อย่างไรก็ดีทั้งสองฝ่ายไม่ได้ประกาศความคืบหน้าเจรจาหรือกำหนดเวลาที่ชัดเจน
• IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โลกปี 2568 ขึ้นเป็น 3.0% จากเดิมที่ 2.8% หลังพบว่าหลายประเทศมีการเร่งซื้อสินค้ามากกว่าที่คาดก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. และอัตราภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่แท้จริงต่ำกว่าที่ประกาศไว้ แต่ยังเตือน ศก. โลกยังมีความเสี่ยงอยู่ ส่วนคาดการณ์ GDP ปี 2568ของไทยถูกปรับขึ้นเช่นกันสู่ 2.0% จาก 1.8%
• รมต. พาณิชย์สหรัฐฯ ยืนยันว่ากำหนดเส้นตายการเริ่มบังคับใช้ภาษีศุลกากรในวันที่ 1 ส.ค. นี้จะไม่มีการเลื่อนออกไปอีก แม้ว่ากำหนดการสำหรับจีนจะแตกต่างออกไปที่ล่าสุดได้มีการเจรจาในกรุงสต็อกโฮล์ม ซึ่งตกลงจะสิ้นสุดในวันที่ 12 ส.ค. นี้ และเผยเพิ่มว่า ปธน. ได้ปฏิเสธข้อเสนอจากหลายประเทศ และต้องการข้อเสนอที่เปิดตลาดให้สหรัฐฯหมด 100%
• จำนวน นทท. ต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อน (21-27 ก.ค.) ยังคงมีแนวโน้มขยายตัว โดยเพิ่มขึ้น 1%WoW แตะ 618,285 คน การขยายตัวนำโดย เกาหลีใต้, จีน, มาเลเซีย และไต้หวัน เนื่องจากอยู่ในช่วงวันหยุดช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน ทำให้จำนวน นทท. สะสมทั้งปี 2568 เป็น 18,983,936 คน ลดลงจากปีก่อน 6.2%YoY
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยประเมินการฟื้นตัวของ SET มายืนเหนือระดับ 1200 จุด ใกล้เป้าหมายที่ประเมินระดับ 1230-1250 จุด ซึ่งสะท้อนความคาดหวังสหรัฐฯ จะเก็บภาษีจากไทยเท่ากับหรือต่ำกว่า 20% คาด SET เริ่มมี Upside จำกัดและอาจต้องระมัดระวังหากการเจรจาไม่ประสบผลหรือเกิด Sell on Fact ได้หากจบดีลการค้าตามที่คาดหวังได้จริง ส่วนความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชามองกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย เพราะมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกันน้อยและไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยต่อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50/SET100 อย่างไรก็ดีหาก Fund Flow ยังไหลเข้า คาดมีโอกาสจะหนุนให้ในระยะถัดไป SET กลับไปซื้อขายที่ PER เฉลี่ยระยะยาวอีกครั้งที่ระดับ 16 เท่า หรือ 1376 จุด กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
GLOBAL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากยอดขายสาขาเดิม (SSS) เดือนก.ค. ที่ปรับตัวดีขึ้น ลดลงเพียง 3.5% YoY ถือว่าดีที่สุดตั้งแต่ต้นปีและฟื้นตัวดีที่สุดในกลุ่มจากไตรมาสก่อน คาดว่า SSS ใน 2H68 จะยังดีขึ้นต่อจากฐานต่ำราคาหุ้นสะท้อนผลประกอบการ 2Q68 ที่อ่อนแอไประดับหนึ่งแล้ว
LHSC: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากความคาดหวังที่กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง (ครั้งละ 25bps) ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะเดียวกันคาดกำไร 2Q68 จะเติบโตเด่น 98.7%YoY และจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 3Q68 อีกทั้งยังปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปีนี้สูงราว 9.6%