บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI บริษัทผู้จัดเวทีการประกวดความงามระดับนานาชาติ ภายใต้สโลแกน "นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์" กำลังจะเข้ามาเฉิดฉายในตลาดหุ้นไทย หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 60 ล้านหุ้น
หลังได้รับไฟเขียวจาก สำนักงานก.ล.ต.แล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็จะเข้าสู่กระบวนการ การกำหนดราคาหุ้น, กำหนดวันเปิดให้จองซื้อหุ้น และเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น Clubhoon จะพานักลงทุนที่สนใจ ไปทำความรู้จัก บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ว่า...มีที่มาอย่างไร ดำเนินธุรกิจอะไร ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
1. ที่มา
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2556 โดย "คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล" นักจัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และ "คุณรัชพล จันทรทิม" ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท บาท เพื่อประกอบธุรกิจจัดประกวดนางงามทั้งระดับในประเทศและระดับต่างประเทศ ซึ่งการประกวดนางงามมิสแกรนด์มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ (Miss Grand Thailand) ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2556 ที่จังหวัดนนทบุรี
2.ลักษณะธุรกิจ
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ดำเนินธุรกิจจัดการประกวดนางงามมิสแกรนด์เพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงให้บริษัทเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้บริษัทต่อยอดในการดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยธุรกิจของบริษัท สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
- ธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) : จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคทั้งสินค้าที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ได้แก่ Miss Grand MGI และ NangNgam รวมถึงจัดจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ซึ่งสินค้าจะประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย, กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล, กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม, กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารเสริม
- ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ (Pageant): จัดประกวดนางงามทั้งระดับในประเทศและระดับต่างประเทศ โดยจัดประกวดนางงามในประเทศเพื่อค้นหาผู้หญิงไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เหมาะสม เพื่อมาดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ (Miss Grand Thailand หรือ MGT) เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดเวทีระดับนานาชาติต่อไป โดยรูปแบบการประกวด MGT เป็นระบบการขายลิขสิทธิ์การประกวดให้กับตัวแทน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย
- ธุรกิจสื่อและบันเทิง (Media and X-Periences): แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจสื่อ (Media) จะซื้อเวลาออกอากาศ (Airtime) รายการที่มีชื่อเสียงตามสื่อโทรทัศน์ และจำหน่ายช่วงเวลาออกอากาศให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจจะโฆษณาสินค้า รวมถึงผลิตรายการผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดีย ส่วนธุรกิจบันเทิง (X-Periences) เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ให้กลุ่มลูกค้า ได้มีส่วนร่วมกับนางงามและศิลปินของบริษัท เช่น การจัดคอนเสิร์ต "อิงฟ้ามหาชน", "MGT x ระเบียบวาทศิลป์" และกิจกรรม "Meet & Greet" เป็นต้น โดยรายได้หลักจากธุรกิจบันเทิงจะมาจากรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดง รวมถึงค่าสมาชิกในการสมัครเข้าชมการแสดงของบริษัทบนแพลทฟอร์ม Facebook นอกจากนี้ มีการถ่ายทำซีรีย์เพื่อออกอากาศช่องทาง Youtube ภายใต้ชื่อ GrandTV อาทิ "Show Me Love" ซึ่งมีรายได้จากการขายค่าสมาชิกรายเดือนให้ผู้ที่สมัครสมาชิกสามารถเข้าชมซีรีย์
- ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน (Talent) : บริษัทจะทำสัญญากับผู้ชนะการประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ผู้ได้รับอันดับรองลงมา และผู้ชนะมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นศิลปินในสังกัดของบริษัทเพื่อปฎิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายตามที่บริษัทจัดหางานมาให้ ได้แก่ งานรีวิวสินค้า งานพิธีกร งานโชว์ตัว งานเดินแบบ งานแสดงภาพยนตร์ เป็นต้น
3.ผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน
สิ้นปี 2565 บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI มีโครงสร้างรายได้จาก 4 ธุรกิจหลัก ธุรกิจพาณิชย์ 118.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 34.96%, ธุรกิจประกวดนางงาม 71.66 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.40%, ธุรกิจสื่อและบันเทิง 68.52 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 21.42%, ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน 63.09 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.73% และรายได้อื่น ๆ 4.76 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.49%
ขณะที่ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) มีรายได้ 338.76 ล้านบาท, 344.93 ล้านบาท และ 319.61 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 44.81 ล้านบาท, 29.01 ล้านบาท และ 47.85 ล้านบาท ตามลำดับ และผลประกอบการล่าสุดงวดไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้ 83.03 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9.22 ล้านบาท
รวม 3 ปี กับอีก 1 ไตรมาสล่าสุด มีรายได้รวมกว่า 1,086 ล้านบาท และกำไรรวมกว่า 130 ล้านบาท
ด้านฐานะการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 219.80 ล้านบาท, หนี้สินรวม 122.58 ล้านบาท, ส่วนผู้ถือหุ้นรวม 97.22 ล้านบาท, อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น 1.26 เท่า, อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ 15.12% และ อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 30.38%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกําไรสุทธิ
4.โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ก่อนขายไอพีโอ มีผู้ถือหุ้นใหญ่เพียง 3 ราย ประกอบด้วย
1. ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ถือหุ้นจำนวน 90 ล้านหุ้น สัดส่วน 60%
2. รัชพล จันทรทิม ถือหุ้นจำนวน 59.99 ล้านหุ้น สัดส่วน 39.99%
3. นพวรรณ จุลเจือ ถือหุ้นจำนวน 200 หุ้น สัดส่วนต่ำกว่า 0.01%
ภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอ
1. ณวัฒน์ อิสรไกรศีล จะเหลือสัดส่วนถือหุ้น 42.86%
2.รัชพล จันทรทิม จะเหลือสัดส่วน 28.56%,
3.นพวรรณ จุลเจือ ถือต่ำกว่า 0.01% เท่าเดิม
4.ผู้ถือหุ้นรายย่อย ที่ซื้อหุ้นไอพีโอ 60 ล้านหุ้น สัดส่วน 28.57%
5. คณะกรรมการ และผู้บริหารบริษัท
ณ 31 มี.ค.66 บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI มีผู้บริหารและกรรมการรวม 7 ราย ประกอบด้วย
1.ดร.มนัส โนนุช : ประธานกรรมการ/กรรมการอิสระ
2.รศ.สุชาติ เหล่าปรีดา : ประธานกรรมการตรวจสอบ/กรรมการอิสระ/กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน/กรรมการบริหารความเสี่ยง
3.ดร.วิเชียร ชุบไธสง : กรรมการตรวจสอบ/กรรมการอิสระ/ประธานกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน
4. ผศ.ดร.จิรศิลป์ จยาวรรณ : กรรมการอิสระ/กรรมการตรวจสอบ
5. นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล : กรรมการ/ประธานกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
6. นายรัชพล จันทรทิม : กรรมการ/กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน/ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง/กรรมการบริหาร/รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
7. นายศักดิ์สิทธิ์ บุญวานิช : กรรมการ/กรรมการบริหารความเสี่ยง/กรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน
6.รายละเอียดการเสนอขายหุ้นไอพีโอ
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI มีแผนจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทต่อหุ้น โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด และ นาย ชัยสิทธิ์ เล่าเรียนดี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ณ 31 มี.ค.66 มูลค่าทางบัญชีของบริษัท (Book Value) อยู่ที่ 0.65 บาทต่อหุ้น โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai หมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งล่าสุด ก.ล.ต.อนุญาตแบบคำเสนอขายหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
7.วัตถุประสงค์การระดมทุน
สำหรับเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้
1.บริษัทจะนำไปลงทุนซื้ออาคาร และดำเนินการปรับปรุงเพื่อเป็นอาคารสำนักงานใหม่ ประมาณ 165 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจการขายสินค้า และบริการ ซึ่งต้องขยายพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อรองรับ ระบบสารสนเทศ ทีมการทำงาน เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานให้กับพนักงาน ใช้จัดทำห้อง Server เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ Server เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสารสนเทศ ใช้เป็นห้องประชุม และพื้นที่ส่วนกลาง รวมทั้งใช้เป็น Studio ในการถ่ายทำรายการ Content เป็นคลังสินค้าหลักของบริษัท และใช้เป็นพื้นที่ลานจอดรถ
2.พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า และผลิตรายการ ประมาณ 50 ล้านบาท โดยการทำวิจัยทางการตลาด สำรวจความคิดเห็นของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์บริษัทเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า และผลิตรายการทางออนไลน์ในลักษณะการทำ Content เพิ่ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ในทุกช่องทาง
3.พัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (Information Technology) ประมาณ 20 ล้านบาท โดยจะพัฒนาทั้งในส่วนการสนับสนุนการทำงาน (Backbone Technology) และในส่วนการให้บริการด่านหน้าธุรกิจ (Frontline Technology) เพื่อการขยายธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูล
4.ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
และนี่คือ 7 ข้อมูลสำคัญ ที่นักลงทุนควรนำไปพิจารณา เพื่อประกอบการตัดสินใจ หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ที่จะมาเฉิดฉายในตลาดหุ้น ส่วนราคาเสนอขายจะเป็นเท่าไหร่ และจะเสนอขายวันไหน อดใจรอกันอีกนิสสสสส.....
และหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอแล้ว ราคาหุ้นจะแกรนด์ เหมือน สโลแกน "นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์" หรือไม่ คงต้องติดตามกัน..