บล.เคทีบีเอส downgraded กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ให้น้ำหนักลงทุน “Underweight” ชี้เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย และ supply chain disruption ทำให้น่าสนใจ WSTS คาดการณ์อุตสาหกรรม semiconductor โลก ชะลอตัวลงในปี 66 แนะขาย HANA ให้เป้า 41.00 บาท ส่วน KCE แนะซื้อ ปรับราคาเป้าหมาย 80 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอส ออกบทวิเคราะห์ ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ “Electronic Components” ลงเป็น “Underweight” จากเดิม “Neutral” โดยมองว่าในช่วงระยะสั้น-ระยะกลาง กลุ่ม Electronic Components ไม่น่าสนใจ
โดย World Semiconductor Trade Statistics (WSTS) คาดการณ์ว่า การเติบโตอุตสาหกรรม semiconductor ชะลอตัวลงในปี 2566 คาดเติบโต +5% จากเดิมในปี 2564 และ2565 ที่เติบระดับ 26% และ 16% ตามลำดับ
เหตุที่กลุ่ม Electronic Components ไม่น่าสนใจ เพราะผลกระทบของปัจจัยภายนอกหลายปัจจัย ซึ่งกระทบทั้งฝั่งของความต้องการ (demand) และผู้ผลิต (supply) ได้แก่ 1.ดอกเบี้ยขาขึ้นที่จะกระทบกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม ฟุ่มเฟือย ได้แก่รถยนต์ และ โทรศัพท์มือถือ 2. การชะงักงันหรือสะดุดของห่วงโซ่อุปทาน จากนโยบาย Zero Covid ของจีน และ สงครามรัสเซีย-ยูเครน 3.แนวโน้มค่าเงินบาทที่จะกลับมาแข็งค่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565
ราคาหุ้นกลุ่ม Electronic Components ทำผลงานไม่ดีแพ้ดัชนี 3% และ 28% ในช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมา จากการปรับตัวลงตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโลก จากความกังวลเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะกระทบผลการดำเนินงานของกลุ่มอย่างมีนัยยะ รวมถึง valuation ของกลุ่ม
ทั้งนี้ มองว่าในระยะสั้น-กลาง การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ไม่น่าสนใจเนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ความเสี่ยงการขึ้นดอกเบี้ยของแต่ละประเทศที่จะขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ในปัจจุบันยังมีอยู่ จากความไม่แน่นอนของสงครามและการเปิดประเทศของประเทศจีน ซึ่งส่งผลต่อเงินเฟ้อฝั่ง cost push inflation ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งหากในกรณี worst case หากมีการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด และมีการทำ Quantitative tightening (QT) สูงกว่าคาด หุ้นกลุ่ม Technology จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และ upside ปัจจุบันของราคาหุ้นไม่น่าดึงดูดมากนัก เราจึงมองว่า risk-reward ratio ในการเข้าไปลงทุนไม่คุ้มค่า
สำหรับหุ้นในกลุ่มนี้ แนะนำซื้อ KCE ปรับราคาเป้าหมาย 80.00 บาท ประเมินกำไรปี 2565-2566 อยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% (YoY) และ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% (YoY) สาเหตุการเติบโตหลักมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง
ส่วน HANA แนะนำขาย ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท ประเมินกำไรปกติปี 2565-2566 อยู่ที่ 1,713 ล้านบาท ลดลง 24% (YoY) และ 1,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%(YoY) โดยผลการดำเนินงานถูกกดดันจากขาดทุนของธุรกิจ SiC ที่ประเทศเกาหลีใต้ และแนวโน้มยอดขาย smartphone ที่ไม่ดี