ตลท. เตือนรับมือปีหน้าตลาดหุ้นผันผวนหนัก เปิด 3 ปัจจุัยใหญ่กระทบตลาด สหรํฐเฟ้อสูงบีบดอกเบี้ยขึ้น สภาพคล่องโลกตึง เงินไหลเข้าหุ้นลดลง ธุรกิจไทนค่อยๆฟื้น ต้องเร่งปรับตัวรับโลกดิจิทัล เปิดสถิติทุกปี SET แกว่ง 300 จุด
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นเตรียมรับมือกับ 3 ปัจจัยที่จะสร้างความผันผวนสูงกับการลงทุนในปี 2565
1. โลกกำลังอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนจากภาวะดอกเบี้ยต่ำ ไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบหลายปี เนื่องจากแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นในสหรัฐฯ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากโลก มีวัคซีนป้องการโรคระบาดครอบคลุมพื้นที่ต่างๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ หรือทำ QE Tapering ส่งผลต่อสภาพคล่องทั่วโลกลดลง และเงินไหลเข้าตลาดหุ้นลดลง จากการขึ้นดอกเบี้ยและลดวงเงิน QE จะทำให้เกิดการปรับพอร์ตการลงทุน จะเห็นการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนครั้งใหญ่ เงินส่วนหนึ่งอาจไหลกลับไปยังตลาดเงินของสหรัฐฯ
“การเคลื่อนย้ายเงินลงทุน จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ราคาหุ้นจะผันผวน จากสถิติของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า ในแต่ละปีดัชนี SET Index จะผันผวนในช่วง 300-350 จุด” นายภากร กล่าว
2. การส่งออกจะเติบโตมากขึ้นจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แต่อุตสาหกรรมที่ถูกกระทบหนักจากโรคระบาดโควิด-19 จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น เช่นพลังงาน ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มการเงิน เป็นต้น
3. Technology Disruption และการมาของ New Normal World ที่จะเกิดขึ้นหลังจากยุคโควิด ต้องติดตามสถานการณ์เหล่านี้ว่า ธุรกิจไหนที่สามารถปรับตัวได้ทันต่อเหตุการณ์ และเติบโตไปพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ จะสามารถต่อยอดธุรกิจเติบโตได้
“เพราะฉะนั้นต้องติดตามการปรับตัวของภาคธุรกิจและบริษัทจดทะเบียน บริษัทที่เคยดีและแข็งแกร่งอาจตกยุค บริษัทที่สามารถปรับตัวได้ นำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาปรับใช้อาจจะเติบโตสูงในอนาคต ภาพเหล่านี้จะชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า” นายภากร กล่าว
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564 SET Index ปิดที่ 1,568.69 จุด ลดลง 3.4% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจารณาช่วง 11 เดือนแรกปี 2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 8.2% เพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 95,344 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และ กลุ่มการเงิน
ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิเป็นเดือนแรกหลังจากเป็นผู้ซื้อสุทธิมาสามเดือนต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤศจิกายน 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,182 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 11 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 73,581 ล้านบาทโดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 128,844 ล้านบาท โดย ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง
ในเดือนพฤศจิกายน 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 2 บริษัท ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ 1 บริษัท และใน mai 2 บริษัท โดยใน 11 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าเสนอขายในตลาดแรก (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN-5
Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564 อยู่ที่ระดับ 18.3 เท่า และ 18.9 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.0 เท่า และ 17.1 เท่าตามลำดับ
อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564 อยู่ที่ระดับ 2.84% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.45%