InnovestX คาดหุ้นไทยวันนี้ ไซด์เวย์/ชะลอตัว สถานการณ์ชายแดนร้อนแรงอีกครั้ง ระวังแนวรับ 1250-1248 ต้องขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1258
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(22 ธ.ค.) คาด SET ไซด์เวย์/ชะลอตัว ในวันศุกร์ทำจุดสูงสุดที่แนวต้านที่ให้เป็นข้อสังเกตยังไม่สามารถยืนเหนือ 1258 ได้ สถานการณ์ชายแดนร้อนแรงอีกครั้ง ติดตามนโยบายพรรคการเมืองในการแก้ปัญหา ศก. และ Window Dressing ปลายสัปดาห์ ภายนอก สัปดาห์นี้มีตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนและ 3Q68 GDP สหรัฐฯ ทางเทคนิค ตลาดมีช่วงหลุดแนวรับ 1250-1248 ต้องขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1258 จึงจะยกเลิกแนวโน้มลง มิฉะนั้นเป็นการแกว่งลง มีแนวรับหลักถัดไป 1240/1230
ประเด็นสำคัญ
• กระทรวงกลาโหมเผยกัมพูชาได้ยิง BM-21 ใส่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และประกาศให้ ปชช. ใน 4 อำเภอในสระแก้วอพยพ วันนี้ติดตามแนวทางการรับมือสถานการณ์จากการประชุม สมช. เวลา 9:00 น. และการประชุม รมต. ตปท. อาเซียนในมาเลเซียในวันเดียวกัน
• กระทรวงพลังงานและกลุ่มผู้ได้รับสัมปทานได้ประชุมเร่งด่วนเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันแท่นขุดเจาะ หลังพบโดรนไม่ทราบฝ่ายบินเข้ามาก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซฯ กลางทะเล นับตั้งแต่เกิดการปะทะไทย-กัมพูชาในวันที่ 7 ธ.ค. 2568
• จีนงดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันใน พ.ย. 2568 และหันไปพึ่งพาถั่วเหลืองจากอเมริกาใต้ เป็น Sentiment เชิงลบระยะสั้นต่อราคาถั่วเหลือง เป็นบวกระยะสั้นต่อกลุ่มเนื้อสัตว์ CPF BTG GFPT TFG ติดตามยอดนำเข้าใน ธ.ค. 2568 คาดว่าจะมียอดนำเข้าจากสหรัฐฯ อีกราว 7 ล้านตัน หลังผู้ค้าเผยว่าได้มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแต่ยังเดินทางไปไม่ถึง
• การประชุมนโยบายการเงิน BoJ มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ 0.75% เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เป็นไปตามที่ตลาดคาด และส่งสัญญาณพร้อมปรับขึ้นอีก ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นระยะ 10 ปีขึ้นแตะ 2.0% ค่าเงินเยนอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐแตะ 158 เยน
• LG Chem, DL Chemical, Yeochun NCC ได้ส่งแผนปรับโครงสร้างธุรกิจปิโตรเคมีแก่รัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งจะนำไปสู่การลดกำลังการผลิตในระยะสั้นและปรับปรุงการผลิตเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1230-1285 จุด หลังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ และมีวอลุ่มซื้อขายที่เบาบางลง หลังบรรยากาศการลงทุนเริ่มใกล้ช่วงปลายปีก่อนเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ทำให้นักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขาย โดยเฉพาะต่างชาติ ทั้งนี้มองตลาดจะติดตามปัจจัยในประเทศเป็นหลัก อาทิ รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายหลักแต่ละพรรค ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและผลประกอบการของ บจ. ไทย, ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกบางส่วนที่อาจช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ เช่น แรงซื้อจากกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง ThaiESG ที่อาจเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องในระยะสั้น และการทำ Window Dressing ที่นักลงทุนสถาบันบางส่วนอาจใช้ปรับพอร์ตให้ดูดีก่อนสิ้นปี ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการเป็นธนาคารที่มีการเติบโตของสินเชื่อใน พ.ย. สูงสุดในกลุ่ม +2.2% MoM จากทั้งภาครัฐและธุรกิจ ให้ปันผลสูง คาดปี 2568–2570 อยู่ที่ราว 2.15–2.35 บาท/หุ้น หรือ Div. Yield ราว 7.9-8.6% มีความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ตํ่า และมีโอกาสจะประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน เป้าหมายระยะสั้นที่ 29.50 บาท
AP: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแผนทยอยเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ากว่า 2 หมื่นลบ. ใน 4Q68 และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง กำไรสุทธิ 4Q68 คาดจะทำจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัว QoQ แม้ทรงตัว YoY หนุนจาก Backlog ที่แข็งแกร่งจากโครงการแนวราบและการเริ่มโอนคอนโด คาดปันผลปี 2568 ที่ 0.49 บาท/หุ้น หรือ 5.5% เป้าหมายระยะสั้น 8.95 บาท