BVG เปิดเทรดวันแรกที่ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 64.94% จากราคา IPO 3.85 บาท
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ พร้อมด้วย สิงหะ นิกรพันธุ์ ประธานกรรมการ โอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร และ นวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ของ บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,732.5 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BVG”
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.บลูเวนเจอร์กรุ๊ป (BVG) เป็นกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจ InsurTech ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 20 ปี ทำให้มีความพร้อมด้านฐานข้อมูล ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งบริษัทประกันภัยยนต์และประกันสุขภาพในสัดส่วนที่มากกว่าครึ่ง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และธุรกิจให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทั้งประสบการณ์ ฐานข้อมูล และจำนวนลูกค้า เป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัทฯ ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว และยังมีศักยภาพในการเติบโตจากการนำเสนอบริการใหม่ๆ ด้วยระบบ AI รวมถึงขยายตลาดการให้บริการไปยังต่างประเทศ
คาดกำไรปี 65 ที่ 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%YoY หลังจากกำไรงวด 9M65 อยู่ที่ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%YoY โดยกำไรงวด 9M65 คิดเป็นราว 79% ของประมาณการกำไรทั้งปี โดยปัจจัยหนุนหลักในปี 65 มาจากรายได้รวมที่ดีขึ้น โดยรายได้จากระบบ EMCS ได้รับผลบวกจากจำนวนการเคลมที่เพิ่มขึ้นภายหลังเปิดเมือง สอดคล้องกับการเดินทางของผู้คนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากบริการ TPA ได้รบั ผลบวกจากการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Self-insured
คาดปี 66-67 ยังเห็นกำไรโตสูงต่อเนื่องจากการขยายธุรกิจกลุ่มบริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจ ทั้งในไทยที่จะมีการเพิ่มฐานลูกค้า และเพิ่มการให้บริการต่างๆ ผ่านการพัฒนาระบบ AI ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ ขณะที่ยังมีแผนจะขยายตลาดการให้บริการไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโต ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจโดยรวม และธุรกิจประกันในแต่ละประเทศ โดยเราคาดกำไรปี 66-67 จะเติบโตราว 31%YoY และ 36%YoY ตามลำดับ
ประเมินราคาเป้าหมายปี 66 ของ BVG ที่ 5.7 บาท โดยอิง Median PER ของกลุ่ม TECH ในตลาด MAI ที่ 34 เท่า โดยหากอิงอตัราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรของกลุ่มบริษัทฯ จะยังเห็น PEG ที่ 1 เท่า ซึ่งถือว่ายังสมเหตุสมผล