"ณภัทร วินิจฉัยกุล " ซูเปอร์บอร์ด กสทช. ยื่นหนังสือถึงประธาน กสทช. ค้านแผนควบรวมกิจการ ทรู-ดีแทค ชี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เกิดการผูกขาด ไร้การแข่งขันเอื้อเอกชน แต่ประชาชนเสียประโยชน์
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เวลา 9.00 น. นายณภัทร วินิจฉัยกุล คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กตป.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด กสทช. ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ. สุกิจ ขมะสุนทร ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) คัดค้านการควบรวมควบกิจการของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยเสนอให้คณะกรรมการ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่กฎหมาย และยกเลิกประกาศ เรื่องมาตรการกำกับดูแลการควบรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมปี 2561 ที่จำกัดอำนาจการยับยั้งการพิจารณาควบรวมกิจการที่เคยมี โดยแนะนำให้ กสทช.นำเอาประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการควบรวมกิจการปี 2553 กลับมาใช้ เพื่อให้การกำกับดูแลกรณีควบรวมกิจการโทรคมนาคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถที่จะพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติได้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นสูงสุดกับผู้ใช้บริการและประชาชน รวมถึงศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย
เพราะการดำเนินการของ กสทช. ต่อกรณีทรู-ดีแทค เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยและไม่ชัดเจน ใน 2 ประเด็น 1.การควบรวมครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.ก่อให้เกิดประโยชน์กับสังคม ประชาชน และการแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยหรือไม่
นายณภัทร กล่าวว่า ในฐานะซูเปอร์บอร์ด กสทช. เห็นว่า การควบรวมดังกล่าวมีนัยยะสำคัญที่ขัดต่อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ปี 2553 และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ปี 2544 รวมถึงประกาศฉบับอื่นๆ และขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มาตรา 60 ระบุชัดเจนว่า "รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน"
หากยังฝืนดำเนินการสิ่งใดแล้วขัดกับหลักการและกฎหมาย กสทช.ชุดปัจจุบันเข้าข่ายมีความสุ่มเสี่ยง ที่จะกระทำผิดกฎหมายหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ อยากให้คณะกรรมการ กสทช. ชุดใหม่ เป็นคนพิจารณาการควบรวมดังกล่าวแทน เนื่องจากขณะนี้กรรมการทั้ง 5 คน ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการโปรดเกล้าฯเท่านั้น
"เรื่องนี้ มีการวางแผนอันแยบยลของใครบางคน ถ้าหากสังคมตระหนักรู้เท่าทัน เชื่อว่าจะเป็นแรงกดดันให้ กสทช.ทำงานอย่างเข้มแข็งมากขึ้น และไม่เอื้อเอกชนที่คิดจะทำผิดกฎหมาย" นายณภัทร กล่าว