Market

ตรวจสุขภาพหุ้นโรงพยาบาล ในสถานการณ์โควิด
17 พ.ย 2564

ตรวจสุขภาพหุ้นโรงพยาบาล ในสถานการณ์โควิด

 

สถานการณ์โควิด ทำให้เกิดวิกฤตในแทบจะทุกธุรกิจ เพราะรัฐบาลสั่งปิดประเทศ ปิดกิจกรรมและกิจการต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า บางธุรกิจหนัก บางธุรกิจเบา แล้วแต่ผลกระทบที่ได้รับ

.

แต่สำหรับธุรกิจโรงพยาบาล สถานการณ์โควิด กลายเป็นโอกาส

.

และเป็นโอกาสทอง ในการทำกำไรแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เพราะมีผู้ป่วยมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก บางโรงพยาบาลกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ โตถึงหลัก 10,000% 

.

โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 3 ที่โควิดแพร่ระบาดรุนแรง และลุกลามจนเกิดวิกฤตในระบบสาธารณสุข โรงพยาบาลรัฐรองรับไม่ไหว ทำให้คนไทยจำนวนมากต้องหันไปพึ่งพาบริการจากโรงพยาบาลเอกชน ทั้งการรับบริการตรวจคัดกรองโควิด และเข้ารับการรักษาพยาบาล

.

ประเทศไทย มีประชากรไทยมากกว่า 60 ล้านคน และในสถานการณ์โควิดระบาดหนัก มีประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ไปใช้บริการตรวจคัดกรองโควิด

.

เฉพาะค่าบริการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิดอย่างเดียว โรงพยาบาลเอกชนคิดค่าบริการ 3,000 บาทต่อราย หากเทียบกับเวลาในการตรวจ ใช้สำลีแหย่จมูก ไม่ถึงนาที ถือว่า เป็นราคามหาโหด

.

หากคนไทยไปใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชน 1 ล้านคน เท่ากับโรงพยาบาลเอกชนจะมีรายได้จากค่าตรวจคัดกรองโควิดมากถึง 3,000 ล้านบาท เลยทีเดียว

.

ไม่รวมกรณีตรวจแล้วพบว่า ติดเชื้อ ซึ่งต้องเข้ารับการรักษา โรงพยาบาลเอกชน คิดค่ารักษาพยาบาลไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อคน บางคนอาการหนักเจอค่ารักษาสูงถึงหลักล้านบาท 

.

จากข้อมูลของ ศบค. ในประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสะสม ตั้งแต่ 1 เมษายน 64 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 2 ล้านคน

.

หากคิดตัวเลขผู้ป่วยแค่ 10%ของยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสะสม เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน หรือเท่ากับ 2 แสนคน

.

คำนวณค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น 2 แสนบาทต่อคน เท่ากับโรงพยาบาลเอกชนจะมีรายได้มากถึง 4 หมื่นล้านบาท

.

นับเป็นโอกาสท่ามกลางวิกฤต สำหรับธุรกิจโรงพยาบาล 

.

Clubhoon ตรวจสอบผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชน 23 บริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า กำไรงวดไตรมาสที่ 3/64 ทำสถิติใหม่กันถ้วนหน้าจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ บางแห่งโตเป็น 10,000% หลายแห่งกำไรโตเป็น 1,000% มีเพียง 3 บริษัทเท่านั้นที่กำไรลดลง ขณะที่ธุรกิจอื่นที่ถูกผลกระทบจากสถานการณ์โควิด บางธุรกิจขาดทุนจนแทบจะปิดกิจการหนี

.

รวมตัวเลขผลการดำเนินงานโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 23 บริษัท มีกำไรไตรมาส 3/64 รวมกันมากถึง 14,004 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 3,618 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้นทั้งระบบ 287%

.

ส่วนงวด 9 เดือน มีกำไรรวมกัน 22,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนปี 63 ที่มีกำไรรวมกัน 10,523 ล้านบาท

.

โรงพยาบาลที่กำไรโตมากที่สุด คือ บริษัท โรงพยาบาลมหาชัย หรือ  M-CHAI ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางการแพร่ระบาดโควิดในเมืองสมุทรสาคร มีผู้ป่วยมารักษาโควิดจำนวนมาก และทำให้ไตรมาส3/64 มีกำไร 273 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรแค่ 1.71 ล้านบาท โตถึง 15,871% เฉพาะไตรมาสนี้ไตรมาสเดียวมากกว่ากำไรในแต่ละปีที่เคยมีมา 

.

บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง หรือ WPH ที่เติบโตจากคลีนิกเล็กๆ ที่อยู่คู่ชาวจังหวัดตรัง มายาวนาน มีรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับการตรวจหาเชื้อและรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้มีกำไรมากเป็นประวัติการณ์ ถึง 73.49 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 2.29 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 3,309%   

.

โรงพยาบาลที่กำไรเติบโตโดดเด่น คือ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM ไตรมาส 3/64 กำไรมากถึง 1,645 ล้านบาท จากขาดทุนในไตรมาสเดียวกันปีก่อน 72 ล้านบาท หรือโตขึ้น 2,353% ซึ่งรายได้หลักๆ ก็จากการตรวจคัดกรอง และรักษาพยาบาลคนไข้โรคโควิด ที่แห่มาใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก

.

บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ของนายแพทย์บุญ วนาสิน ที่เปิดศึกกับองค์การเภสัช เรื่องนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ มองวิกฤตเป็นโอกาส ปรับการดำเนินงาน เปิดให้บริการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด ปรับพื้นที่โรงพยาบาลรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิดอาการหนัก รวมทั้งจับมือผู้ประกอบการโรงแรมให้บริการ Hospitel สำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการน้อยกว่า 4,610 เตียง และเปิดโรงพยาบาลสนามอีกกว่า 800 เตียง ทำให้มีกำไร 833 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรแค่ 75 ล้านบาท หรือกำไรโตขึ้นกว่า 1,008%

.

บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ หรือ VIH ของกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช มีกำไร 856 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 58 ล้านบาท หรือโตกว่า 1,359% ซึ่งกำไรที่เติบโต ก็เป็นผลมาจากรายได้จากการให้บริการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วยโควิด บวกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี หรือ VIBHA ซึ่งโรงพยาบาลวิภาวดีและโรงพยาบาลในเครือ ร่วมรักษาผู้ป่วยโควิด ที่มาใช้บริการ ทำให้ไตรมาส 3/64 มีกำไรถึง 650 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 55 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 1,077%

.

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล หรือ BCH ของกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ที่ร่วมให้บริการทางการแพทย์ ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การกักกัน การรักษาพยาบาล และการฉีดวัคซีนป้อนกันโรค ขยายเตียงรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล จาก 1,350 เตียง เป็น 1,700 เตียง และเพิ่มจำนวนเตียงใน Hospitel จาก 5,200 เตียง ในไตรมาส 2 เป็น 17,000 เตียง รวมทั้งเตียงในโรงพยาบาลสนามอีก 940 เตียง ทำให้มีกำไรมากถึง 2,896 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 413 ล้านบาท หรือกำไรโตกว่า 600% แนะกลายเป็นหุ้นเตะตาในมุมมองของโบรกเกอร์

.

บริษัท เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH อีกหนึ่งโรงพยาบาลเอกชนในสมุทรสาคร ซึ่งอยู่ในพื้นที่การระบาด ไตรมาส 3/64  กำไรโตถึง 880% อยู่ที่ระดับ 155 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรแค่ 15 ล้านบาท

.

กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด ย่านสมุทรปราการ และลาดกระบัง เพิ่มอัตรากำลังของบุคลากรรวมทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วย มีกำไรมากเป็นประวัติการณ์ จากกำไรแค่หลักร้อยล้านในแต่ละปี แต่เฉพาะไตรมาส 3/64 ไตรมาสเดียว มีกำไรมากถึง 1,563 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 281 ล้านบาท หรือโตมากถึง 455%

.

บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว หรือ LPH ก็ไม่น้อยหน้า จากการให้บริการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วยโควิด ทำให้มีกำไรมากถึง 288 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 51 ล้านบาท หรือโตกว่า 462%

.

บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ หรือ  RPH โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการรักษาผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ภาคอีสาน จากกำไร 20 ล้านบาท ไตรมาส 3/63 แต่ไตรมาส 3 ปีนี้ กำไรกระโดดขึ้นมา เป็น 145 ล้านบาท หรือโตขึ้น 608%

.

บริษัท โรงพยาบาลราชธานี  หรือ  RJH โรงพยาบาลเอกชนในพระนครศรีอยุธยา ไตรมาส 3/64 กำไรโตขึ้นกว่า 302% มาอยู่ที่ 484 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 120 ล้านบาท

.

ส่วนโรงพยาบาลใหญ่อย่างบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS ภายใต้ชื่อโรงพยาบาล 6 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล มีกำไร 2,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 1,800 ล้านบาท ที่เติบโตดีหลักใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้เกี่ยวเนื่องจากโควิด ซึ่งคิดเป็น 25%ของรายได้ค่ารักษาพยาบาล

.

ขณะที่3 บริษัทที่กำไรลดลง คือ บริษัท สมิติเวช หรือ SVH ลดลงเหลือ 366 ล้านบาท หรือ 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 406 ล้านบาท บริษัท โรงพยาบาลนนทเวช หรือ NTV กำไรลดลง 74% เหลือ 17 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 66 ล้านบาท และบริษัท วัฒนาการแพทย์ หรือ NEW เหลือกำไรเพียง 6 พันบาท ลดลง 97%

.

ธุรกิจโรงพยาบาล โควิด จึงเป็นโอกาสในวิกฤต   

.

แต่สำหรับธุรกิจประกัน สถานการณ์ค่อนข้างวิกฤต เพราะต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกค้าที่ทำประกันโควิดกันเป็นจำนวนมาก และเป็นผลทำให้บริษัทประกันหลายแห่งขาดทุน บางแห่งถึงขั้นถูกสั่งปิดกิจการ

  

-------------------------

ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่

Facebook : Clubhoon

Website : www.Clubhoon.com

Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com