หุ้นไอพีโอน้องใหม่กระแสแรง  DTCENT จะลั่นระฆังเทรด 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งมีการคาดหมายว่าน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับู้ถือหุ้น ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีอนาคตไกล ทั้งความเป็นผู้นำในธุรกิจอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking)และผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง 

หุ้นไอพีโอน้องใหม่กระแสแรง  DTCENT หรือ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) อันดับ 1 ในประเทศไทย และพัฒนาระบบไอโอที (IoT Solution) และ Artificial  Intelligence (AI) ครบวงจร กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ หลังโชว์ความสำเร็จขายหุ้นไอพีโอ หมดเกลี้ยง 305 ล้านหุ้น

ซึ่งมีการคาดหมายว่า หุ้น DTCENT ที่จะเข้าเคาะซื้อขายในวัน 15 ธ.ค. น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น จากราคาหุ้นละ 2.86 บาท  ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีอนาคตไกล 

จุดเด่นของ DTCENT ประกอบด้วย

- เป็นผู้นำระบบติดตามยานพาหนะ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2565)

- พันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มี บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น บริษัทประกอบธุรกิจการผลิตส่วนประกอบรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ถือหุ้น 18% และมี บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด ในเครือบุญรอด  ถือหุ้น 15% ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต 

- แผนดำเนินงานในอนาคตที่จะเพิ่มโอกาสการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจ IoT Solution ซึ่งจะมีงานภาครัฐ ที่เดินหน้าโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในเขตเทศบาลในจังหวัดต่างๆ  ถือเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตของฝั่งธุรกิจ IoT Solution อย่างมาก

- ความแข็งแกร่งด้านการเงินของ DTCENT โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังปี 2562 ถึง 2564 และงวด 9 เดือน 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 810.94 ล้านบาท 639.38 ล้านบาท 591.53 ล้านบาท และ 479.72 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิในปี 2562 ถึง 2564 และงวด 9 เดือนปี 2565 เท่ากับ 166.49 ล้านบาท 109.12 ล้านบาท 77.24 ล้านบาท และ 52.39 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อทุนระดับต่ำแค่  0.48 เท่า 

- การกำหนดราคาหุ้น DTCENT อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง มีการออกแบบและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ รวมทั้งการพัฒนา IoT Solution และ AI ได้ตามความต้องการของลูกค้ามาโดยตลอด ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง

สำหรับเงินที่ระดมทุนจำนวน 872 ล้านบาท มีโอกาสสร้างการเติบโตในอนาคต โดยจะมีการนำเงินไปลงทุนศูนย์ควบคุมยานพาหนะ (Control room)จำนวน 70 ล้านบาท นำไปลงทุนในลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อเสริมศักยภาพในธุรกิจ (M&A) จำนวน 450- 500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ

นี่คือ จุดเด่นที่สำคัญของ DTCENT ซึ่งคงต้องมาลุ้นกันว่า First Trading Day ที่จะเคาะระฆัง ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ราคาจะไปได้ไกลขนาดไหน