แนวโน้มตลาดวันนี้ (27 ส.ค.) บล. อินโนเวสทื เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/ลุ้นรีบาวด์สั้นตามแนวรับ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อ แต่มี Big Lot ของ ADVANC ทำให้ยอดสุทธิอาจจะยังไม่ชัดเจน ส่วนการจัดงาน Thailand Focus เป็นวันที่สองยังมีโอกาสหนุนจากสถิติในอดีตที่ SET จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกในช่วงการจัดงาน ตลาดติดตามตัวเลข PCE สหรัฐฯ และคดีการเมืองในวันศุกร์ ด้านเทคนิคหากยังพักฐานสั้นเพื่อขึ้นไม่ควรหลุดแนวรับ 1245-1240 อีกแล้ว การขึ้นมีแนวต้าน 1256/1260
ประเด็นสำคัญ
• รมช. คลังกล่าวในงาน Thailand Focus เผยว่าคลังมีแนวโน้มจะปรับประมาณการ GDP ปี 2568 ในรอบถัดไปให้สูงกว่าเดิมที่ 2.2% หลังพบสัญญาณทาง ศก. ดีขึ้น และมีปัจจัยหลายด้านหนุนการเติบโต เช่น อัตราภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่ยังแข่งขันได้ และมีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในประเทศ (RVC) ในระดับสูง ทำให้สินค้าส่งออกสู่สหรัฐฯส่วนใหญ่ได้อัตราภาษีต่ำ
• สหรัฐฯ ขึ้นอัตราภาษีศุลกากรต่ออินเดียสูงสุดถึง 50% หลายรายการ เช่น อัญมณี, สิ่งทอ, อาหารทะเล, ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. นี้ ส่วนกลุ่มสมาร์ทโฟนซึ่งอินเดียเป็นฐานการผลิต iPhone (Foxconn, Pegatron และ Wistron), เวชภัณฑ์, อุปกรณ์พลังงานหมุนเวียน ไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราภาษี
• รายงานการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 มองนโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนคลาย แม้ Policy Space เหลืออยู่ไม่มาก เพื่อสนับสนุน ศก. ไทยที่มีแนวโน้มชะลอใน 2H68 และขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพในปี 2569 และมองเงินเฟ้อในระดับต่ำเกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโต และช่วยบรรเทาค่าครองชีพ
• สภาผู้แทนฯ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วมและ รฟม. ในวาระที่สาม และจะถูกส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา ส่วนร่าง พ.ร.บ. การขนส่งทางราง ได้ผ่านวาระที่สามในสัปดาห์ก่อน
• ก.ล.ต. ร่วมกับ FETCO, ASCO และ AIMC เตรียมแถลงข่าว “มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” ในวันที่ 15 ก.ย. 2568 เพื่อสร้างความน่าสนใจให้ นลท. ผ่านมาตรการภาษี, ดึงดูด บ. ต่างประเทศเข้าจดทะเบียนเป็นต้น
• Morgan Stanley เผย Hedge Fund ทั่วโลกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีนต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มุ่งไปที่หุ้น A-shares ในตลาดจีน ต่างจากใน ก.พ. ที่เม็ดเงินไหลไปยังหุ้นเทคฯ ในตลาดฮ่องกง หนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดโลกหลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเดือนหน้า แต่ Upside ยังจำกัดเพราะนักลงทุนรอความชัดเจนทางการเมือง โดยวันที่ 29 ส.ค. เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางตลาดใน 3 กรณีหลัก 1) หากศาลตัดสิน “พ้นจากตำแหน่ง” หรือหากนายกฯ ลาออกก่อน อาจกดดัน SET ลงแรงช่วงสั้นจากความกังวลสุญญากาศทางการเมือง และต้องติดตามการเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่หรือการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล 2) หากศาลตัดสินว่า “ไม่มีความผิด” ตลาดมีโอกาสฟื้นช่วงสั้นจากแรงซื้อคลายกังวลต่อเสถียรภาพการเมือง แต่ Upside ยังจำกัดเพราะยังมีคดีอื่นที่รอพิจารณา3) หาก “ยุบสภา” อาจเป็นผลบวกต่อตลาด เพราะทำให้การเมืองชัดเจนขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
กลยุทธ์ลงทุนจึงยังคงแนะนำ “Selective Buy”
Daily Top Picks
HMPRO: มองราคาหุ้นมีแรงหนุนจากปันผลระหว่างกาล ที่ประกาศจ่าย 0.16 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield 2.2% สำหรับงวด 1H68 ขณะที่แนวโน้ม 3Q68 คาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSS) จะหดตัวช้าลงเมื่อเทียบกับ 2Q68 อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมที่เพิ่มขึ้นหลังน้ำท่วมในบางพื้นที่
GULF: ได้ประโยชน์จากแนวโน้ม Yield ที่ปรับตัวลง ใน 2H68 จะมีการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ 7 โรงรวม 597MW, โรงไฟฟ้า Jackson (1,200MW, ถือ 49%) รับ Capacity Payment ใหม่ตั้งแต่ มิ.ย. จาก US$30 เป็น US$270/MW-day ส่วน Data Center 25MW เริ่มรับรู้รายได้ ส.ค.นี้ และการ COD โครงการ Solar และ Solar+BESS