เปิดงบปี 65 อาณาจักรเจมาร์ท
โกยกำไรรวมกัน 4,678.14 ล้านบาท
เปิดงบปี 65 ตระกูล J อาณาจักรเจมาร์ท ของ "อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" โกยกำไรรวมกัน 4,678.14 ล้านบาท พร้อมประกาศแจกปันผลให้ผู้ถือหุ้นถ้วนหน้า โดย JMART จ่ายปันผล 0.66 บาท - JMT จ่ายปันผล 0.59 บาท J จ่าย 0.03 บาท ขึ้น XD พร้อมกันวันที่ 11 เม.ย.นี้ ส่วน SINGER จ่ายปันผล 0.26 บาท ขึ้น XD วันที่ 5 พ.ค.
หุ้นตระกูล J ของ "อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" เจ้าของอาณาจักรเครือเจมาร์ท ที่มีความมั่งคั่งระดับ “แสนล้านบาท” ประกาศงบปี 2565 ออกมาครบหมดแล้ว ทั้งบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT , บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และน้องเล็ก บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ล้วนมีกำไรกันอย่างถ้วนหน้า
โดยในปี 2565 ตระกูล J มีกำไรรวมกัน 4,678.14 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่ทั้งตระกูลมีกำไร 4,729.99 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.09%
นำโดยพี่ใหญ่ JMART ประกาศปี 2565 ออกมามีกำไร 1,794.96 ล้านบาท ลดลง 27.25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 2,467.59 ล้านบาท ซึ่งเหตุผลที่กำไรลดลง มาจากกำไรพิเศษที่เกิดขึ้น จำนวน 1,296 ล้านบาท ในปี 2564 ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโตที่ 53%
โดยบริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 13,920 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 18% โดยบริษัทในกลุ่มทุกบริษัทสามารถทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง เป็นไปตามวิสัยทัศน์ Technology Investment Holding Company (T-IHC) ซึ่งถือเป็นการเติบโตจากทั้ง Organic growth และ Inorganic growth ด้วย Ecosystem ที่แข็งแกร่งขึ้น สนับสนุนการต่อยอดโอกาสในธุรกิจการเงิน ค้าปลีก และเทคโนโลยี
ส่วน JMT ซึ่งดำเนินธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1,745.57 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 24.65% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,400.37 ล้านบาท ถือเป็นปีที่บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดี และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาวตร์ของบริษัทต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
จุดเด่นที่ทำให้ JMT มีกำไรเติบโต มาจาก บริษัทฯ มียอดจัดเก็บกระแสเงินสด เท่ากับ 5,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถ้ารวมกระแสเงินสดในส่วนของ บริษัทบริหารสินทรัพย์ เจเค อีก 797 ล้านบาท จะมียอดจัดเก็บกระแสเงินสดเท่ากับ 6,346 ล้้นบาท
SINGER ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 935.28 ล้านบาท เติบโต 33.49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 700.59 ล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้า ซึ่ง 5 สินค้าขายดี คือ ตู้น้ำมัน ตู้แช่ ตู้เย็น โทรทัศน์และเครื่องซักผ้า นอกจากนี้ยังมีรายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อและเงินให้กู้ยืม ซึ่งมาจากการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้ ทำให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 808 ล้านบาท หรือ 18.4% โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อและเงินให้กู้ยืม เป็นจeนวนเงิน 817 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.5% จากการที่บริษัทย่อยมีการเติบโตในพอร์ตสินเชื่อ และเพิ่มขึ้นในรายได้จากการให้บริการและรายได้อื่น รวมเป็นเงิน 46 ล้านบาท
ส่วน J น้องเล็กของกลุ่ม ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปี2565 มีกำไรสุทธิ 202.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 161.44 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุจากการเปิดตัวศูนย์การค้าแห่งใหม่ The Jas Green Village คู้บอน ช่วงปลายปี 2564 ทำให้ ให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากพื้นที่เช่าได้เต็มปี รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงศูนย์การค้าและพื้นที่เช่าให้มีอัตราการเช่าที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะเปิดโครงการ Senera Senior Living อย่างเป็นทางการเพื่อให้บริการในการดูแลผู้สูงอายุ
จากกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่นทำให้ หุ้นตระกูล J ประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดย JMART จ่ายปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือนหลังของปี 65 ในอัตราหุ้นละ 0.66 บาท ส่วน JMT จ่ายปันผลจ่ายปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือนหลังของปี 65 ในอัตราหุ้นละ 0.59 บาท J ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 ในอัตรา 0.03 บาท โดยที่ทั้ง 3 บริษัท จะขึ้นเครื่องหมาย XD (ไม่ได้รับสิทธิปันผล) พร้อมกัน ในวันที่ 11 เม.ย. นี้ ขณะที่ SINGER มีการประกาศจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.26 บาท จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 พ.ค.