หุ้นไทยวันนี้  มีปัจจัยบวกจากเงินเฟ้อสหรัฐ ชะลอตัว หนุนเฟดชะลอขึ้น ดอกเบี้ยรอบมิ.ย.   และมีแรงซื้อหุ้นได้อานิสงส์เลือกตั้งปลายสัปดาห์นี้  ส่วนราคาน้ำมันอ่อนตัวและปัญหาเพดานหนี้สหรัฐ กดดันบรรยากาศลงทุนทั่วโลก กดดัชนีอ่อนตัว แนะนำหุ้น CPALL   SCB 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้  (11 พ.ค.) บล. กรุงศรี ประเมิน SET  แกว่งตัว 1,560 - 1,580 จุดแม้ดัชนีจะได้ปัจจัยบวกจากเงินเฟ้อ CPI สหรัฐเดือนเม.ย.ต่ำกว่าคาดโดย +4.9% YoY จึงคาดว่า FED จะชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. อีกทั้งแรงซื้อกลุ่ม Domestic play ธีมการเลือกตั้งไทยช่วยหนุนดัชนี อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบดีดที่อ่อนตัวลงและความไม่แน่นอนปัญหาเพดานหนี้สหรัฐจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy  แนะ นำ  BBL KTB TTB KBANK SCB แนวโน้มกำไร 2Q23 ยังคงเติบโต และ  SAWAD MTC KTC ASK AEONTS  อานิสงส์เงินฟ้อไทยชะลอตัวลง ส่วน  AMATA WHA ROJNA CPALL GLOBAL DOHOME STEC CK SIRI SC PR9 หุ้นธีมการเลือกตั้งไทย

หุ้นแนะนำวันนี้

- CPALL (ปิด 65.75 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 72.75 บาท) แจ้งกำไรสุทธิ 1Q23 ดีเกินคาดที่ 4,123 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 31%qoq และ 19%yoy และสูงกว่าที่ BB Consensus คาดไว้ที่ 10% แนวโน้ม 2Q23 โตต่อจากการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงสงกรานต์และเลือกตั้ง

- SCB (ปิด 107 ซื้อ/เป้า 160 บาท) แนวโน้ม 2Q23 ยังโตต่อเนื่องจาก NIM ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ คาดว่าจะปรับลงสู่ระดับปกติที่ระดับ 7-8 พันล้านบาทจาก 9,900 ใน 1Q23

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) เงินเฟ้อสหรัฐลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาดและต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว: อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของสหรัฐเดือน เม.ย.ลดลงสู่ระดับ 4.9% ต่ำกว่าเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 5% (นับเป็นการลดลงต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อนโควิด 19) ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ลดลงเป็น 5.5% จาก 5.6% ในเดือน มี.ค. 

(-) น้ำมันดิบปิดลบกังวลดีมานด์ชะลอตัวหลังจีนนำเข้าลดลงและสต๊อกน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 72.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ ตลาดกังวลดีมานด์ชะลอตัวหลังการน้ำเข้าน้ำมันดิบจากจีนลดลง ขณะที่ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรลสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล

(+/-) ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐมีกำหนดเจรจากันอีกครั้งในวันศุกร์นี้: ปัญหาเพดานหนี้ยังเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจและเป็นปัจจัยลบที่กดดันดัชนีดาวโจนส์หลังจากการเจรจาระหว่าง ปธน. โจ ไบเดน และ ประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมายังไม่สำเร็จ โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีนัดหารือกันอีกครั้งในศุกร์ที่จะถึงนี้ (ก.การคลังสหรัฐคาดการณ์สหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้ 1 มิ.ย. 23 หากเพิ่มเพดานหนี้ไม่สำเร็จ)