ปตท.สผ.เปิดผลงานไตรมาส 3 กำไร 9,545.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  32.53% รับอานิสงค์ยอดขาย และราคาปิโตรเลียมที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก เมื่อรวม 9 เดือน มีกำไร 28,218 ล้านบาท พร้อมปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณการขายปีนี้ 

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยการดำเนินงานไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 9,545.04 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.37 บาท เพิ่มขึ้น  32.53%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 7,201.85 ล้านบาท  

กำไรที่เพิ่มขึ้น มาจากการเติบโตของปริมาณการขาย และราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยในไตรมาส 3 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 58,752  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้รวม 40,887 ล้านบาท   

“ธุรกิจพลังงานเริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เป็นผลมาจากหลายประเทศทั้งสหรัฐ ยุโรปรวมทั้งประเทศไทยมีการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์และการเดินทาง ส่งผลให้มีความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้น และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึง ปตท.สผ.  นอกจากนี้ ความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Execute & Expand ส่งผลให้เราสามารถเพิ่มเป้าหมายการขายเฉลี่ยขึ้นอีกครั้งเป็น 417,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากที่ได้ปรับเพิ่มไปแล้วในไตรมาส 2 ที่ 412,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน อีกทั้ง การเข้าร่วมลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพ และการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซฯ อย่างต่อเนื่องในมาเลเซีย เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว” นายมนตรี กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนปี 2564  มีกำไรสุทธิ 28,218.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.13%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 20,137.20 ล้านบาท

โดยในช่วง 9 เดือนของปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 168,409 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 128,369 ล้านบาท  

ปัจจัยสำคัญมาจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 414,516 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ 344,909 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเข้าร่วมทุนในแปลง 61 ประเทศโอมาน และการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการมาเลเซีย – แปลงเอช ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณขายให้กับบริษัทได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ประกอบกับผู้ซื้อก๊าซฯ ได้เรียกรับก๊าซธรรมชาติจากโครงการในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 42.34 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 39.69 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

สำหรับความก้าวหน้าสำคัญในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ จากบริษัท ซีนุค (CNOOC Limited)  ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีสัดส่วนการลงทุนในโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 49 จากร้อยละ 24.5 และคาดว่าโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ จะเริ่มผลิตน้ำมันดิบได้ไตรมาส 4 ปี 2564 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้นประมาณ 10,000-13,000 บาร์เรลต่อวัน