แนวโน้มตลาดวันนี้ (13 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวลง โดยหากหลุด 1127 อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงรอบใหม่ ซึ่งจะมีแนวรับถัดไปที่ 1120 หรือต่ำกว่าได้ ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1135/1140 ซึ่งหากดัชนียังไม่สามารถยืนเหนือได้จะเป็นเพียงการรีบาวด์สั้นเพื่อลง ทั้งนี้ปัจจัยเช้านี้ติดตามศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนคดีคุณทักษิณซึ่งอาจมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยผ่านประเด็นทางการเมือ

ประเด็นสำคัญ

• วันนี้ติดตามศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนข้อเท็จจริงการบังคับโทษจำคุกคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทนายความจะเดินทางไปตามนัดไต่สวนแต่คุณทักษิณไม่ได้ไป

• กบน. ปรับลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ 50 สตางค์ต่อลิตร เหลือ 2.40 บาทต่อลิตร และคงราคาขายปลีก 31.94 บาทต่อลิตรเพื่อชดเชยค่าการตลาดที่เหลือ 1.40 จาก 1.80 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันดิบโลกขึ้น มองช่วยค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมัน (OR)

• ธปท. ประกาศคุมธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง หลังมีผลต่อระบบสูง 1.6 ล้านลบ. (10% ของหนี้ครัวเรือนไทย) เรามองเป็นกลางและอาจเป็นบวกกับ SAWAD โดยเป็นไปได้ที่ ธปท. จะคงหรือเพิ่มเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ในรอบต่อไปให้สอดคล้องความเสี่ยงและต้นทุนที่สูง

• ม. หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค. 68 ลดลงต่อเป็นเดือนที่ 4 สู่ 54.2 ต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 66 เหตุผู้บริโภคกังวลสงครามการค้า, รู้สึก ศก. ไทยชะลอ และเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น มองส่งผลลบจิตวิทยาต่อหุ้น Domestic เช่น กลุ่มค้าปลีกและร้านอาหาร

• วันนี้บอร์ด กสทช. นัดพิเศษหาข้อสรุปคุณสมบัติผู้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ต่อเนื่องจากการพิจารณาวานนี้ หากบอร์ดมีมติเห็นชอบจะมีการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นขออนุญาต 2 รายและจะจัดนัดการประมูลจำลองก่อนเปิดการประมูลจริงในวันที่ 29 มิ.ย. 68

• สหรัฐเผยดัชนี PPI พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.1%MoM ต่ำกว่าตลาดคาด และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 248,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตลาดคาด บ่งชี้การชะลอตัวของตลาดแรงงาน ทำให้ตลาดคลายกังวลด้านเงินเฟ้อและหวังเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย

กลยุทธลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ความไม่แน่นอนการเมืองไทย (การปรับ ครม.) และผลกระทบของ DELTA จากเกณฑ์คำนวณใหม่ของ ตลท. ที่จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวใน SET50/SET100 ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. นี้ แต่เชื่อว่าช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงใกล้ระดับวิกฤติ (Downside ที่ 1,032 จุด) สะท้อนผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ ซึ่งผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว เรายังคงมุมมองหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1120-1100 จุด ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily top picks

ADVANC: มองเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการผันผวนต่ำ มีปัจจัยกระตุ้นจากมีโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรยังเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งผลสรุปการประมูลคลื่นความถี่ใน 2Q68 ที่คาดว่าจะออกมาเป็นบวก จะส่งผลทำให้มีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยัง Downside จำกัดท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาษีการค้า

GPSC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซฯ และ Bond Yield ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก, ไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล (GMT)