Market

“NOBLE” ยอดขายไตรมาสแรกนิวไฮ 6.4 พันล้าน รายได้หด-ขาดทุน Q 2 ลุยเปิด 5 โครงการใหม่ ปั๊มยอดขายปี 65
13 พ.ค. 2565

บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ไตรมาสแรกโกยยอดขายทำนิวไฮกว่า 6.4  พันล้านบาท หลังลุยเปิดตัว 5 โครงการเมื่อช่วงต้นปีนี้มูลค่ารวม 1.5  หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้หดตัว ส่วนใหญ่โอนกรรมสิทธิ์จากโครงการเดิมต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว ขณะที่โครงการใหม่อยู่ระหว่างก่อสร้าง  เผยกำ  Backlog ทะลุกว่า 1.54 หมื่นล้านบาทรอรับรู้รายได้  ส่วนไตรมาส 2 จ่อเปิดอีก 5 โครงการ มูลค่ารวม 1.23 หมื่นล้านบาท  ส่งซิกปี 66  รายได้โตแตะ 15,000 ล้านบาท  พร้อมปรับแผนลงทุนในสหราชอาณาจักร

 

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท   โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้เริ่มมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน  ในขณะที่สถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเร่งตัดสินใจเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย NOBLE ในช่วงไตรมาส 1/2565 ที่สามารถสร้างยอดขาย (Pre-sale) ได้ในระดับกว่า 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 155%จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)  ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส (New Highs) และที่สำคัญยังเป็นการเติบโตสูงเกือบเท่ากับทั้งปีของปี 2564 ที่ทำได้ 8,035 ล้านบาท

 

ซึ่งยอดขายที่ทุบสถิติดังกล่าวมาจากโครงการเดิมที่ต่อเนื่องในปี 2564 และจากที่ไตรมาสแรกนี้ ได้เปิดขายโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ นิว ดิสทริค อาร์9  2.โครงการ นิว เมกา พลัส บางนา 3.โครงการ นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น 4.โครงการ นิว อีโว อารีย์ และ 5.โครงการ นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง  โดยสามารถทำยอดขายเฉลี่ย 40%-50% ของทุกโครงการรวมกัน ส่วนโครงการใหม่ที่เปิดไตรมาสแรกยังไม่มีโครงสร้างสร้างเสร็จพร้อมโอน จึงทำให้บริษัทมีสรายได้รวม 1,496 ล้านบาท ลดลง 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 6,628 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไร 484 ล้านบาท 

 

 ทั้งนี้  4 โครงการหลักที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2564 ประกอบด้วย 1.โครงการ โนเบิล บี19 สุขุทวิท 2.โครงการ นิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ 3.โครงการ นิว โนเบิล คอนเน็กซ์ เฮ้าส์ ดอนเมือง และ 4.โครงการ โนเบิล เกเบิล วัชรพล 

 

นายธงชัยกล่าวถึง แนวโน้มไตรมาส 2 นี้ ว่า บริษัทฯเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องตามแผนอีกจำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,300 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ โนเบิล คิวเรท เป็นโครงการที่ดินระดับลักซ์ชัวรี่ 2. โครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน เฟส 1  เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 3. โครงการ โนเบิล เคิร์ฟ  เป็นทาวน์เฮ้าส์ 4. โครงการ โนเบิล ครีเอท เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise 5. โครงการ โคฟ -นอร์ธ ราชพฤกษ์ เป็นทาวน์เฮ้าส์  ซึ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ โนเบิล คิวเรท (Noble Curate) และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน เฟส 1 ไปแล้ว

 

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,400 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปีตามเป้าที่ตั้งไว้จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,700 ล้านบาท โดยการเปิดตัวโครงการทั้งหมดเป็นกระจายสินค้าให้หลากหลายคลอบคลุมทุกทิศของกรุงเทพฯ


อย่างไรก็ตาม จากยอดขายที่เติบโตอย่างมากในช่วงไตรมาส 1/2565 ส่งผลให้ยอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นทะลุกว่า 15,400 ล้านบาทจาก ณ สิ้นปี 2564 ที่อยู่ในระดับ 10,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้และ 2-3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้บริษัทฯยังคงเชื่อว่าในปี 2565 จะสามารถสร้างรายได้เติบโตมากกว่าปี 2564 อย่างแน่นอน และเชื่อว่าในปี 2566 จะเห็นการเติบโตของรายได้ที่ระดับ 15,000 ล้านบาท จากการรับรู้ Backlog ในมือ อีกทั้งยังเตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ๆ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้น

 

“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ลูกค้าจะเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น โดยมีปัจจัยเร่งจากราคาของวัสดุก่อสร้าง มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เชื่อว่าผู้ประกอบการน่าจะปรับราคาสินค้าขึ้นในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนที่สูงขึ้น จึงรีบตัดสินใจซื้อในช่วงนี้ ประกอบกับแนวโน้มที่จะมีการกลับมาเปิดประเทศ ซึ่งจะเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและรายได้ของคนในประเทศ อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะช่วยผลักดันกำลังซื้อจากต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่ยังคงมีการสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง” นายธงชัยกล่าว 

 

ประธานเจ้าหน้าทีในส่วนของแผนการลงทุนในสหราชอาณาจักร นายธงชัย กล่าวว่า  มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมีความยืดหยุ่นในการเข้าลงทุนจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งอาคารเป็นแบบ Bulk ยูนิต หรือการซื้อเป็นจำนวนหลายๆห้อง (Bulk Deal) แทน เนื่องจากการซื้อเป็นยูนิตจะมีการแข่งขันที่น้อยกว่าการซื้อทั้งอาคารและรวดเร็วกว่า ซึ่งจะสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ได้ในระดับที่ 20% สอดคล้องกับธุรกิจหลักที่อยู่ในประเทศไทย โดยในปี 2565 บริษัทฯได้วางเป้าหมายจะซื้อสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษ จำนวน 550 ยูนิต ภายใต้วงเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ซึ่ง NOBLE จะลงทุน 45% ตามสัดส่วน) โดยในไตรมาส1/2565 บริษัทฯได้มีการซื้อสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ไปแล้วจำนวน 84 ยูนิต

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com