Market

HMPROกวาดรายได้ 18,251 ล้านบาท  ดันไตรมาส1กำไร 1,611 ล้าน พุ่ง 6.6%
25 เม.ย 2566

"โฮมโปรฯ" หุ้นกลุ่มค้าปลีกตกแต่งบ้าน นำร่อง โชว์งบแกร่ง ไตรมาส 1/66 กวาดรายได้ 18,251 ล้านบาท โต 9.47% ดันกำไรสุทธิแตะ 1,611 ล้านบาท พุ่ง 6.6%จากช่วงเดียวกันปีก่อน รับอานิสงส์ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยขยายตัว 


บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.18 ล้านบาท หรือ 6.63% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 1,510.94 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักดังนี้

- รายได้รวมจำนวน 18,251.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,579.35 ล้านบาท หรือ 9.47%
- กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจ านวน 4,492.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 395.81 ล้านบาท หรือ 9.66% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- ต้นทุนค่าเช่า จำนวน 193.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.00 ล้านบาท หรือ 24.47% โดยมาจากต้นทุนค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 3,192.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 322.55 ล้านบาท หรือ 11.24% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- รายได้ทางการเงิน จำนวน 2.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.67 ล้านบาท หรือ 34.76% จากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น
- ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 133.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.75 ล้านบาท หรือ 42.44% จากการออกหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เพื่อเตรียมชำระหนี้ที่ครบกำหนด
- ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 392.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.15 ล้านบาท หรือ 3.19% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ผ่านมา ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว โดยปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หลังจากการผ่อนปรนมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การบริโภคสินค้ากลุ่มการปรับปรุงซ่อมแซมในภูมิภาคที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยว มีการเติบโตในอัตราสูงกว่าภูมิภาคอื่นเป็นอย่างมาก รวมถึงการที่ภาครัฐได้มีการออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ได้แก่ มาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งมีระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่15 กุมภาพันธ์2566โดยในปีนี้ผู้บริโภคสามารถนำใบกำกับภาษีเมื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าหรือบริการ ไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นจำนวนเงินสูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และที่สาขา ทำให้การบริโภคในประเทศของภาคเอกชนมีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทฯในช่วงไตรมาส 1 ปี2566 เติบโตสูงขึ้น ทั้งในส่วนของสาขาและออนไลน์จากปัจจัยบวกทั้งสองดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1 ปี2566 นี้ บริษัทฯ ยังคงเผชิญแรงกดดันในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ เพิ่มสูงขึ้น อาทิ ค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่รวมถึงความผันผวนของตลาดการเงิน ซึ่งส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการควบคุมดูแล วางแผนธุรกิจและกลยุทธ์ที่รัดกุมในด้านต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ การติดตั้งหลังคา Solar Rooftop ที่สาขาเพิ่มเติม เป็นต้น

ในด้านการผลักดันยอดขายช่วงไตรมาสที่1 บริษัทฯ ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องโดยมีการจัดกิจกรรม HomePro Expo 2023ในวันที่18-26 มีนาคม 2566 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นการสนับสนุนยอดขายสินค้าและบริการ อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรม Double Dayและกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ ที่สาขาและช่องทางออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับการขยายสาขาในไตรมาสที่1 ยังคงดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ โดยบริษัทฯ มีการเปิดสาขาเมกาโฮมใหม่ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ รัตนาธิเบศร์ บางพลี และติวานนท์ ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่1 ของปี2566 บริษัทฯ มีโฮมโปร 87 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 21 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา
 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com