บี.กริม เพาเวอร์ ทุ่มเงิน 1.13 หมื่นล้าน ซื้อหุ้นทั้งหมดในอีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น เพื่อได้สิทธิ์เป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ. 25 ปี
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จํากัด ซึ่งบีกริม ถือหุ้นอยู่ 45% จะซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น (E-COGEN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP
การเข้าซื้อหุ้นอีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น ทั้ง 100% เพื่อให้ได้มาซึ่งการถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 74.5% ในบริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) และในสัดส่วนร้อยละ 100%ในบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Cycle Cogeneration Power Plants) และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการละ 90 เมกะวัตต์กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ("กฟผ.") เป็นระยะเวลา 25 ปี
ทั้งนี้ บริษัท พีพีทีซี มีโรงงานผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มีกำลังผลิตไฟฟ้า 120 เมกะวัตต์ และกำลังไอน้ำ 30 ตัน/ชั่วโมง จะเริ่มขายไฟเชิงพาณิชย์ให้กับกฟผ. มีนาคม 2559
ส่วน บริษัท เอสเอสยูที มีโรงงานผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู 2 โครงการ มีกำลังผลิตไฟฟ้า 240 เมกะวัตต์ และกำลังไอน้ำ 60 ตัน/ชั่วโมง จะเริ่มขายไฟเชิงพาณิชย์ให้กับกฟผ. ธันวาคม 2559
การเข้าลงทุนของ UVBGP ในบริษัท พีพีทีซี และ บริษัท เอสเอสยูที เป็นการเสริมศักยภาพการเติบโตและความ แข็งแกร่งให้แก่ บี.กริม เพาเวอร์ ในการเป็นผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม (SPP) และยังสอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจและการให้บริการด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของ บี.กริม เพาเวอร์ ในพื้นที่อุตสาหกรรม
ด้านนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยว่า การจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัทย่อยทางตรงและทางอ้อม โดยขายหุ้ยที่ถือทั้งหมดใน อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น จํานวน 10 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท) หรือคิดเป็น 100% ของทุนที่ชําระแล้ว ให้แก่บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ บี.กริม เพาเวอร์ ในราคาหุ้นละ 491.46 บาท เป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 4,914.64 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผู้ซื้อจะต้องชําระเงินกู้ให้แก่ ETP จํานวนโดยประมาณ 6,419.45 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,334.09 ล้านบาท