“สกาย ทาวเวอร์” ตอกย้ำความเชื่อมั่น รุกธุรกิจเทเลคอมในฟิลิปปินส์เต็มรูปแบบ  ชี้ธุรกิจโทรคมนาคมในฟิลิปปินส์ยังเติบโตได้อีกมาก ล่าสุดได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ฟิลิปปินส์ มั่นใจปีนี้เทิร์นอะราวด์

นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ทาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STOWER เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในปีนี้ จะรุกเข้าสู่ธุรกิจเทเลคอมในต่างประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากเดิมที่มีรายได้หลักอยู่ในประเทศ  โดยปีนี้จะเป็นปีแรกที่รายได้หลักจะมาจากธุรกิจเทเลคอมในต่างประเทศ

รายได้ส่วนแรกมาจาก บริษัท QNSI ซึ่งทำธุรกิจให้บริการติดตั้งและทดสอบระบบส่งสัญญาณสื่อสารบนเสาโทรคมนาคมในประเทศฟิลิปปินส์ ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมี.ค.65 และจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสประมาณ 100 ล้านบาท ในไตรมาส 2/65

รายได้จากธุรกิจให้เช่าเสาโทรคมนาคม จะใช้เงินลงทุนปีนี้่ ประมาณ 900 ล้านบาท สำหรับ 240 สถานี ปัจจุบันได้ส่งเสาเทเลคอมชุดแรกไปที่ฟิลิปปินส์แล้ว 20 สถานี กลางเดือนนี้จะส่งเพิ่มอีก 40 สถานี เพื่อติดตั้งและเริ่มทยอยส่งมอบสถานีประมาณเดือนก.ค.นี้ ซึ่งสามารถรับรู้รายได้จากค่าเช่าได้ทันที  ส่วนที่เหลือจะได้รับแจ้งพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการเช่าประมาณเดือนก.ค.นี้ และจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3 และ 4 ให้เป็นไปตามแผน 

รายได้จากธุรกิจสถานีโทรคมนาคมให้เช่า ได้ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย SkyTowers Infra Inc.ประเทศฟิลิปปินส์  มีสัญญาระยะยาว 20 ปี กับ Globe Telecom Inc. บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ของฟิลิปปินส์ พร้อมเงื่อนไขการปรับขึ้นค่าเช่าทุกปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีตลอดระยะเวลาสัญญา และมีอัตราผลตอบแทนของโครงการ (Project IRR) ประมาณ 15% และอัตราผลตอบแทนในส่วนทุน (Equity IRR) ประมาณ 25%

บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากผู้เช่ารายที่ 2 (Second Tenant) บนเสาโทรคมนาคมเดียวกัน ซึ่งจะทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่ม ข้อดีของโมเดลนี้ เกิดจากนโยบายของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ที่ให้บริษัทที่ได้รับใบอนุญาต เป็นผู้เจ้าของสถานีและให้เช่าเสาโทรคมนาคมร่วม (Common Tower)

ล่าสุดบริษัท SkyTowers Infra Inc. ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ฟิลิปปินส์ ในโครงการลงทุนก่อสร้างเสาโทรคมนาคมให้เช่า โดยได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคลไปจนถึงปี  2570 และ 5 ปีหลังจากนั้นจะเสียภาษีเพียง 5%  รวมทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านอื่นๆ อีกเช่นการยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ    

ส่วนความร่วมมือกับบริษัท  T3 Technology ที่ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ Broadband Internet รวมทั้งผลิตภัณฑ์ IoT ให้กับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ และผู้ใช้งานในประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าในไตรมาส 4 ปีนี้จะเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา

ขณะที่ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและสถานีไฟฟ้าย่อยในประเทศ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ EGAT จะมีการงานประมูลของภาครัฐที่มูลค่าเฉพาะเสาส่งประมาณ 4 พันล้านบาท ในปี 2565 โดยบริษัทเป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ได้รับการรับรองจาก EGAT คาดว่ามีโอกาสได้รับงานประมาณ 20-25% 

“ ปีนี้ STOWER  มีโอกาสเทิร์นอะราวน์ ส่วนจะมีกำไรมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการลงทุนก่อสร้างสถานีเสาโทรคมนาคมให้เช่าว่าจะได้ตามเป้าหมาย 240 สถานีหรือไม่ ถ้าการเพิ่มทุนสำเร็จ และได้รับเงินเพิ่มทุนเข้ามามากพอตามแผนที่วางไว้ ก็จะทำให้สามารถสร้างผลกำไรจากรายได้ค่าเช่าได้มากยิ่งขึ้น"