เมย์แบงก์ฯ ยกระดับขึ้นสู่บริการยริหารความมั่งคั่งกวาดตลาดลูกค้าเทรดหุ้น ดึง AI เจาะใจลูกค้าตอบทุกโจทย์พฤติกรรมการลงทุน ส่งแอปฯ Maybank Invest ให้บริการลูกค้าทุกระดับ ฟังก์ชั่นครบทุกเรื่องลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ดึง BNY Mellon IM นำเสนอพอร์ตลงทุน 5 ระดับความเสี่ยง-5 ระดับความผันผวน กระจายทรัพย์สินทั่วโลก มั่นใจโซลูชั่นเจ๋ง สร้างผลตอบแทนมั่งคั่งและยั่งยืนในระยะยาว  ฝ่าเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง 

นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST เปิดเผยว่า ปีนี้ บริษัทโฟกัสบทบาทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในธุรกิจบริหารความมั่นคั่ง (Wealth Management) ที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์เมย์แบงก์ไม่ใด้เป็นค่ผู้ให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หมือนช่วงที่ผ่านมาแล้ว การปรับตัวการให้บริการของบริษัทได้ดำเนินไปตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัทได้ปรับเปลี่ยนองคืกรให้สอดรับกับการเข้าสู่ยูคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งต่อข้อมูลและเพิ่มโอกาสลงทุนให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน  ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น " Maybank Invest (MBI) ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบจบในแอปเดียว มีทั้งหุ้น, กองทุน, ตราสารหนี้ และอื่น ๆ อีกมากมายทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่งคั่งการลงทุนให้ลูกค้าได้ คาดให้บริการเป็นทางการไตรมส 3 นี้

พร้อมกันนี้ เมย์แบงก์ฯ ยังได้ร่วมมือกับบีเอ็นวาย เมลลอน ไอเอ็ม (BNY Mellon IM) พันธมิตรด้านการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก ผ่านการพัฒนาบริการด้านโมเดลพอร์ตการลงทุน 5 พอร์ตที่มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน และอีก 5 พอร์ตที่มีระดับความผันผวนที่แตกต่างกัน

ซึ่งทาง BNY Mellon IM จะดูแลโมเดลพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ การบริหารความเสี่ยง และการคัดเลือกผู้จัดการ ขณะที่เมย์แบงก์ประเทศไทยจะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกและปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าในตลาดประเทศไทย

"วันนี้ความต้องการด้านลงทุนของลูกค้าเปลี่ยน ทางเรามีระบบ AI ที่ประมวลผลข้อมูลพฤติกรรมการลงทุนของลูกค้า ระดับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย และสามารถวิเคราะห์การลงทุนที่เหมาะสมแก่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ  ฟังก์ชั่นการลงทุนที่หลากหลายของเราจากความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลกอย่าง BNY Mellon IM  จะเป็นโซลูชั่นให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้ตรงความต้องการ ยิ่งปีนี้เราจะเห็นว่า เศรษฐกิจโลกมีควาไม่แน่นอนสูง แต่ถึงเศรษฐกิจตอนนี้จะไม่ดี ก็เป็นโอกาสในการเลือกลงทุนถือระยะยาวเพื่อรอผลตอบแทนที่ดีกลับมาเมื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับขึ้นมา" นายอารภัฏ กล่าว 

สำหรับฐานลูกค้า Wealth Management ของเมย์แบงก์ จะมาจากกลุ่มลูกค้าบุคคลที่ใช้บริการซื้อขายหุ้นในปัจจุบันที่มีจำนวนหลักแสนราย ซึ่งมีทั้งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีเงินออมมากต้องการกระจายการลงทุนที่ครอบคลุมมากขึ้น  นอกจากนี้จะมีการขยายสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ     โดยคาดว่าในระยะยาว จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าจากปัจจุบัน

มร. โดนี่ ชามซูดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก BMY Mellon Investment Management กล่าวว่า "ด้วยความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจระดับโลกของเรา BNY Mellon Investment Management มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมอบโซลูชั่นด้านการลงทุนที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนโมเดลพอร์ตการลงทุนสำหรับลูกค้าในประเทศไทย" 

“ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจบริการให้คำปรึกษาการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่ง เสริมให้ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มีความพร้อมในการนำเสนอข้อมูลทางเลือก เพิ่มคุณค่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ซึ่งช่วยให้บริษัทได้พัฒนาธุรกิจการจัดการความมั่งคั่งและการลงทุน เดินหน้าตามวิสัยทัศน์สู่การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่หนึ่งในใจคนไทย” นายอารภัฏ กล่าวสรุป