เงินบาททรงตัวในกรอบแคบ หุ้นฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน แนวโน้มสัปดาห์ถัดไป จับตาทิศทางเงินลงทุนต่างของต่างชาติ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ย. และดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจสหรัฐ ผลประชุมของ ECB และ BOJ รวมถึงจีดีพีไตรมาส 3 ของจีน คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,630 จุด่ แนวต้าน 1,650 จุด ติดตามบจ.ประกาศงบไตรมาส 3 และราคาน้ำมันโลก
.
เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่ยังขยับอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยเงินบาทอ่อนค่าลงท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ของกลุ่มผู้นำเข้า ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) โดยบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับประมาณ 1.67%
.
อย่างไรก็ดี กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทถูกจำกัดไว้บ างส่วนตามจังหวะการสลับเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทนุต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ โดยในวันพฤหัสบดี (21 ต.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.38 เทียบกับระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ก่อนหน้า (15 ต.ค.)
.
สําหรับสัปดาห์ถัดไป (25-29 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.80-33.80 บาท/ดอลลาร์ ฯ ขณะที่ศุนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตัวเลขกําไรส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยเดือนก.ย.
.
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ค่าดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินคค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core Price Index เดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จีดีพีไตรมาส 3/64 (advance) นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม ECB และ BOJ ข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย .จีนและจีดีพีในไตรมาส 3/64 ของยูโรโซน
.
ส่วนตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรงระหว่างสัปดาห์ แต่ฟื้นตัวกลับมาได้ช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,643.42 จุด เพิ่มขึ้น 0.31% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 79,001.31 ล้านบาท ลดลง 8.61% จากสีปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.94% มาปิดที่ 559.65 จุด
.
หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบที่ผันผวนในช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงเทขายหนัก จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติระหว่างรอการประกาศงบการเงินไตรมาส 3 ของบจ. อย่างไรก็ดี หุ้นไทยทยอยปรับตัวขึ้นได้อีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ตามแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปหลายกลุ่ม ประกอบกับมี ข่าวธปท.ผ่อนคลายมาตรการ LTV ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงปลายสัปดาห์
.
แนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (25-29 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จํากัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,630 และ 1,615 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยศูนยวิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด ผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของบจ. ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศตลอดจนทิศทางราคาน้ำมันโลก ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core Price Index เดือนก.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/64 (advance) ขณะที่ปัจจัยประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลการประชุม ECB และ BOJ ข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.ของจีน และจีดีพีในไตรมาส 3/64 ของยูโรโซน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ที่จะออกมาด้วย
#Clubhoon