Market

2565 ปีแห่งการเติบโตของRBF
29 ธ.ค. 2564

RBF ถูกคาดหมายปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเติบโต หลังรุกเข้าสู่ธุรกิจกัญชงอย่างจริงจัง และรายได้จากธุรกิจกัญชงจะเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะเป็นตัวเร่งกำไรให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โบรกเกอร์มีมุมมองต่อหุ้น RBF อย่างไร ไปติดตามได้ในรายละเอียด
   
หุ้น RBF หรือ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มครบวงจร อาจจะเป็นหุ้นนอกสายตานักเก็งกำไร 

แต่รู้หรือไม่ว่า RBF ถือเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่น และแข็งแกร่ง ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองมุมบวก เพราะผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยมองว่าปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเติบโต โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจใหม่ คือ "กัญชง" เป็น Listed Company เพียงรายเดียวที่ได้รับใบอนุญาตโรงสกัด CBD เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม 

RBF ยิ่งโดดเด่นมากขึ้น เมื่อ บริษัท ไทยยูเนี่ยนฟู้ด กรุ๊ป หรือ TU ซึ่งเป็นเป็นในอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก ทุ่มเงินกว่า 3 พันล้าน เข้าลงทุนซื้อหุ้น RBF ในสัดส่วน 10% เพื่อต่อยอดโปรดักซ์อาหาร  

บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2534 ดำเนินธุรกิจหลัก คือ ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร(Food Ingredients)ตามคำสั่งซื้อเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ "อังเคิลบาร์นส์"  "เบสท์  โอเดอร์"  "ก๊อปจัง" "Haeyo" "Angelo" และ "Aroi Mak Mak" 

ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมากว่า 32 ปี ทำให้ RBF มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ด้าน Innovation และ Supply Chain ประกอบกับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมมากกว่า 80% ของรายได้รวม ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

ปี 2561 มีรายได้รวม 2,749.59 ล้านบาท และมีกำไร 323.75 ล้านบาท 
ปี 2562 มีรายได้รวม 2,881.99 ล้านบาท และมีกำไร 352.78 ล้านบาท 
ปี 2563 มีรายได้รวม 3,187.27 ล้านบาท และมีกำไร 519.02 ล้านบาท 
ส่วน 9 เดือนปี 2564 มีรายได้รวม 2,460.63 ล้านบาท และมีกำไร 316.60 ล้านบาท

เหตุผลที่โบรกเกอร์ มองว่า ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการเติบโต เพราะ RBF มีการเปิดตลาดเพิ่มอีกเซ็กเมนต์ คือ ธุรกิจกัญชง หลังรัฐบาลปลดล็อกกัญชง เพื่อเชิงพาณิชย์ 

โดย RBFได้รับใบอนุญาตผลิต (ที่ไม่ใช่การปลูก) ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง เลขที่ 1/2564 (มป) ซึ่งอนุญาตโรงงานสกัดสาร CBD-THC จากกัญชง ถือเป็นรายแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังได้รับใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง เลขที่ใบอนุญาตชม9/2564 (ป) ชม10/2564(ป) ชม11/2564(ป) รวมทั้งใบอนุญาตสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชงสำหรับผลิตอาหาร เลขที่ 50-2-06745

ทำให้ RBF มีศักยภาพอย่างครบวงจรในธุรกิจกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การปลูกกัญชง เพื่อให้ได้วัตถุดิบ โดยเฉพาะดอกกัญชงที่มีปริมาณสาร CBD เพื่อส่งต่อมากลางน้ำ คือโรงงานสกัดที่มีคุณภาพของ RBF ที่จะผลิตสาร CBD ส่งต่อไปไปยังปลายน้ำ ให้ผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ซึ่งบริษัทฯได้เจรจาธุรกิจทำ MOU กับกลุ่มลูกค้าปลายน้ำ เพื่อการผลิต พัฒนา สินค้ากลุ่ม อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์ สมุนไพร อาหารเสริม และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ

ในมุมมองของ บล.เคทีบีเอส มีมุมมองธุรกิตกัญชงที่เป็นบวกต่อ RBF โดยเฉพาะความคืบหน้าเกี่ยวกับการปลูกกัญชง ซึ่งปัจจุบัน RBF ปลูกกัญชงไปแล้วกว่า 100 ไร่ ของพื้นที่การปลูกที่ได้รับใบอนุญาตทั้งหมด 340 ไร่ 

แบ่งเป็น 90 ไร่ ปลูกเพื่อสกัดสาร CBD และ อีก 10ไร่ สำหรับนำเมล็ดไปสกัดน้ำมันกัญชง ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น และคาดว่าการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า และการรับรู้รายได้จากกัญชงจะยังคงเป็นไปตามแผนในช่วงไตรมาสแรกปี 2565

แม้ในปี 2564 จะคาดการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ 428 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่สำหรับปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเติบโตของ RBF คาดการณ์กำไรไว้ที่ 1,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 238% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 

ปัจจัยสำคัญในการเติบโตของกำไร คือ การรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชง ที่คาดว่าจะสามารถรับรู้ได้ในไตรมาส 1/2565 เป็นต้นไป ภายใต้สมมติฐานความต้องการกัญชงที่ราว 6,000 กิโลกรัมต่อปี และมีราคาขายสารสกัด CBD ที่ 200,000 บาทต่อกิโลกรัม  

และคาดว่ากำไรจะยังสามารถโตต่อเนื่องได้ราว 10-15% ในปี 2566 ถึงแม้ราคาขายสารสกัด CBD มีแนวโน้มปรับตัวลดลง แต่ต้นทุนจะปรับตัวลงตามไปด้วย จากสามารถในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ 

นอกจากนี้ การที่บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU เข้าซื้อหุ้น  RBF ในสัดส่วน 10% มูลค่าการลงทุนราว 3,000 ล้านบาท จะทำให้เกิดอัพไซด์ของรายได้ในปีหน้าอย่างแน่นอน เพราะ RBF จะได้ประโยชน์จากช่องทางการจำหน่ายของ TU ในตลาดสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักรวมกันแล้วราว 70% ของรายได้ TU ประกอบกับในตลาดสหรัฐฯและยุโรป ยังเป็นตลาดที่มีมูลค่าการเติบโตของสินค้ากัญชงและสินค้า Plant based ค่อนข้างสูงอีกด้วย

แม้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น RBF จะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 11% โดยปัจจุบันซื้อขายกันที่ พีอี เรโช 30 เท่า ของประมาณการปี 2565 แต่ยังคงแนะนำ ซื้อ ด้วยเหตุผล.... 

1) กำไรปี 2565 ที่ยังมี upside หากบริษัทสามารถสกัดสาร CBD ได้มากกว่า 3% 
2) ปริมาณความต้องการมีแนวโน้มสูงกว่าที่คาด หากวันตัวเปิดสินค้าได้รับกระแสตอบรับที่ดี และ
3) กุญแจความสำเร็จที่เป็นตัวเร่ง คือ กำไร ไตรมาส 1/65 ที่จะโตแบบก้าวกระโดด จากการที่เป็นไตรมาสแรกที่เริ่มรับรู้ รายได้กัญชง

บล.เคทีบีเอส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ไว้ที่ 29.00 บาท อิงค่าพี อี เรโชที่ 40 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับบริษัทที่ทำธุรกิจกัญชง-กัญชาในตลาดโลก ซึ่งมีค่า พีอี เรโช ที่ 40 เท่า

ด้านมุมมองของ บล.เคจีไอ ประเมินราคาเป้าหมาย RBF ไว้ที่ 26.50 บาท โดยมองว่า ในปี 2565 RBF น่าจะมีกำไรราว 1.03 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และปี 2566 ที่ 1.21 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน กำไรที่แข็งแกร่งในปี 2565 จะมาจากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นและธุรกิจกัญชงที่จะเป็นปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวของ RBF  โดยใช้สมมติฐานรายได้ที่เกี่ยวข้องกับกัญชงที่ 800 ล้านบาท ในปี 2565 และ 960 ล้านบาท ในปี 2566 จากอุปสงค์ของสารสกัดจากกัญชงในผลิตภัณฑ์หลายตัว 

จุดแข็งของ RBF ที่ทำให้เป็นผู้นำในตลาดสารสกัด CBD ได้ เพราะเดิมทำธุรกิจสารปรุงแต่งอาหารและเครื่องดื่มแบบ One-Stop Service อยู่แล้ว ทำให้บริษัทสามารถเสนอ Solution แบบครบวงจรให้กับลูกค้าได้ เช่น การปรับสารสกัด CBD ให้อยู่ในรูปแบบ Solution พร้อมใช้งานสำหรับการผลิตเครื่องดื่มในปริมาณมาก

--------------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com