แนวโน้มตลาดวันนี้ (1 ส.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งตัวผันผวน/พักตัว ไทยได้อัตราภาษีอัตรา 19% เป็นระดับที่เท่ากับประเทศอื่นในภูมิภาค อย่าง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย และต่ำกว่าเวียดนามที่ 20% ทำให้ในระยะกลางไทยยังคงศักยภาพในการแข่งขัน แต่ระยะสั้นตลาดปรับตัวขึ้นสะท้อนความคาดหวังไปในระดับหนึ่งแล้ว หากพักแค่ช่วงสั้นต้องไม่หลุดต่ำกว่า 1228 แนวรับ 1235/1228 ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1255/1265 คาดว่ายังไม่ผ่าน
ประเด็นสำคัญ
• ไทยจะถูกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 19% เท่ากับ กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ แต่ต่ำกว่า เวียดนามที่ 20% ไทยยังมีความสามารถในการแข่งขัน คาดว่าจะเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
• กกพ. มีมติกำหนดค่าไฟฟ้างวด ก.ย. - ธ.ค. 2568 ที่ 3.94 บาท/หน่วย ลดลงจากงวดปัจจุบัน 4 สต./หน่วย โดยใช้เงินอุดหนุนจากการเรียกคืนผลประโยชน์ส่วนเกินราว 1 ใน 3 หรือ 2,640 ลบ. มองเป็นลบเล็กน้อยต่อโรงไฟฟ้า SPP จากต้นทุนก๊าซฯ ที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นในช่วงปลายปีตามความต้องการ LNG ที่สูงตามฤดูกาล ขณะที่ค่าไฟฟ้าลดลงเล็กน้อย
• ดัชนี Core PCE ของสหรัฐฯ มิ.ย. 2568 เร่งตัวขึ้น 0.3%MoM และ 2.8%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%MoM สะท้อนภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่คลี่คลายซึ่งคาดว่าได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ ท่ามกลางกำลังซื้อที่คงอ่อนแอ เป็นแรงกดดันให้เฟดต้องระมัดระวังการผ่อนคลายทางการเงิน
• ปธน. ทรัมป์ ประกาศขยายเวลาการเจรจาข้อตกลงการค้ากับเม็กซิโกอีก 90 วัน ก่อนถึงกำหนดวันที่ 1 ส.ค.โดยคงอัตราภาษีนำเข้าเดิม ได้แก่ 25% สำหรับสินค้าทั่วไป, สำหรับรถยนต์ 25%, เหล็ก, เหล็กกล้า ทองแดง และอะลูมิเนียม 50% และเม็กซิโกตกลงยกเลิกมาตรการไม่ใช่ภาษีขณะเจรจา
• ธปท. เผยภาวะ ศก. ไทย มิ.ย. 2568 ชะลอลงจากเดือนก่อน จากการส่งออกและการผลิตที่ชะลอตัวจากก่อนหน้านี้ที่ได้เร่งตัวในช่วงก่อนหมดสิทธิ์ผ่อนผันภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ขณะที่การท่องเที่ยวและบริโภคชะลอตัวลงตามจำนวน นทท. ต่างชาติ และรายได้ครัวเรือนเปราะบาง และมองในระยะต่อไป ศก. ไทยมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยเสี่ยงรุมล้อม
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยประเมินการฟื้นตัวของ SET มายืนเหนือระดับ 1200 จุด ใกล้เป้าหมายที่ประเมินระดับ 1230-1250 จุด ซึ่งสะท้อนความคาดหวังสหรัฐฯ จะเก็บภาษีจากไทยเท่ากับหรือต่ำกว่า 20% คาด SET เริ่มมี Upside จำกัดและอาจต้องระมัดระวังหากการเจรจาไม่ประสบผลหรือเกิด Sell on Fact ได้หากจบดีลการค้าตามที่คาดหวังได้จริง ส่วนความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชามองกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย เพราะมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกันน้อยและไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยต่อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50/SET100 อย่างไรก็ดีหาก Fund Flow ยังไหลเข้า คาดมีโอกาสจะหนุนให้ในระยะถัดไป SET กลับไปซื้อขายที่ PER เฉลี่ยระยะยาวอีกครั้งที่ระดับ 16 เท่า หรือ 1419 จุด กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
BDMS: มองเป็นหุ้น Laggard จากเดือน ก.ค. ที่ปรับขึ้น 3.4%MTD (SET 14.1 %MTD) ภาพรวมกลุ่มการแพทย์ยังมีสัญญาณที่ดีหลัง BH รายงานกำไรสูงกว่าคาด 10% ส่วน Valuation อยู่ในระดับต่ำ PE ปี 2568F ที่ 19 เท่า (ต่ำกว่า -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต) ช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น และเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นในกลุ่มการแพทย์
WHA: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากระดับภาษีอัตรา 19% ที่ไทยได้รับ ใกล้เคียงภูมิภาคและต่ำกว่าเวียดนามที่ 20% ทำให้หมด Overhang คาดงบ 2Q68 จะชะลอตัว แต่มีดีลใหญ่รอลงนาม คาดกำไร 3Q68 จะฟื้นตัวYoY เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้นเป็น 4.8 พันลบ. เติบโต 11.8%YoY โดยเพิ่มขึ้น 10% จากประมาณการเดิม