InnovestX คาด SET แกว่งไซด์เวย์ มองแนวรับ 1,270/1,265 ส่วนแนวต้าน 1,285/1,295 ชี้มาตรการส่งเสริมการออม-ตลาดทุนเป็นความหวังในระยะกลางต่อตลาดหุ้นก่อนยุบสภาฯ
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(3 ธ.ค.) คาด SET แกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น วานนี้ตลาดพลิกกลับมาปิดบวกชั่วโมงสุดท้าย พยายามยืนบริเวณนี้ บาทอิงทางแข็งค่าและนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ มาตรการส่งเสริมการออม-ตลาดทุนเป็นความหวังในระยะกลางต่อตลาดหุ้นก่อนยุบสภาฯ ปัจจัยต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีเริ่มชะลอตัวช่วยคลายความกังวล ทางเทคนิค การยืนเหนือ 1,275-1,278 ที่เป็นแนวต้านใหญ่ ยืนเหนือได้จะแกว่งตัวขึ้นรอบใหม่ ยืนไม่ได้ยังไซด์เวย์ แนวรับ 1,270/1,265 แนวต้าน 1,285/1,295
ประเด็นสำคัญ
• ครม. เห็นชอบมาตรการ Quick Big Win มูลค่า 2.67 แสนลบ. เพิ่มสภาพคล่องและลดต้นทุน SMEs ผ่านโครงการสินเชื่อ-ค้ำประกันผ่านธนาคารรัฐ, มาตรการช่วยเหลือด้านภาษี, ส่งเสริมและหนุนแต้มต่อ SMEs ร่วมโครงการจัดซื้อภาครัฐ คาดหนุนศก. ปี 2569 เพิ่ม 0.36%
• ม. หอการค้าไทยลดประมาณการ GDP ปี 2568 ลงเหลือ 1.9% จากเดิมที่ 2% กดดันจากผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้ที่มีมูลค่าความเสียหายทาง ศก. กว่า 4 หมื่นลบ. กระทบ GDP 0.22% สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมิน GDP ปี 2568 และ 2569 โต 1.8% และ 1.4%
• รัฐบาลจีนเผยว่าประมาณ 1,900 หรือ 40% ของเที่ยวบินจีนใน ธ.ค. 2568 ที่มีปลายทางสู่ญี่ปุ่นถูกยกเลิกแล้ว สะท้อนความขัดแย้งระหว่างจีน-ญี่ปุ่นที่รุนแรงขึ้น แหล่งข่าวเผยว่ารัฐบาลจีนได้แจ้งสายการบินลดจำนวนเที่ยวบินสู่ญี่ปุ่นต่อเนื่องถึง มี.ค. 2569 มองเป็น Upside ต่อภาคท่องเที่ยวและจำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทย แนะนำ CENTEL และ ERW
• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อนจำนวน 635,217 คน ชะลอ 8%WoW กดดันจาก นทท. มาเลเซียที่ลดลงมากถึง 43%WoW จากเหตุน้ำท่วมทั้งในภาคใต้และมาเลเซีย ขณะที่จำนวน นทท. จีนเพิ่มขึ้น 5%WoW ส่วนจำนวน นทท. สะสมช่วง 11M68 มีจำนวน 29.6 ล้านคน ลดลง 7%YoY
• ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ สปส.ปรับเพดานค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมสบกองทุน ปกส. โดยระยะแรก (ปี 2569-2571) จะปรับขึ้นสู่ 875 บาท/เดือน และระยะต่อไปเป็น 1,000 และ 1,150 บาท/เดือน บวกต่อ รพ. ที่มีรายได้ส่วนใหญ่จาก ปกส. ได้แก่ BCH CHG และ RJH
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1,240-1,290 จุด ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ พ.ย. ซึ่งเราคาดจะหดตัว 0.5%YoY จากที่หดตัว 0.76%YoY ในเดือน ต.ค., ครม. เตรียมพิจารณามาตรการเยียวยาน้ำท่วมใต้และช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการ SMEs ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ อาทิ ดัชนี PCE ก.ย., ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ พ.ย. ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
BCH: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจาก ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ สปส.ปรับเพดานค่าจ้างปี 2569 ขึ้นเป็นบวกในระยะกลางถึงยาวต่อโรงพยาบาลที่รับประกันสังคม ขณะที่บริษัทคาดว่ารายได้ใน 4Q68 จะสามารถโตทั้ง YoY และ QoQ จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากโรคระบาด และมีลุ้นการจ่ายเงินปันผลพิเศษ เป้าหมายระยะสั้น 10.40 บาท
BBL: ราคาหุ้นมีโอกาสได้รับ Sentiment บวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังทรงตัวสูง ธนาคารมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ คาดว่า ECL จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY ใน 4Q68 Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ PBV 0.48 เท่า และ PE 7 เท่าในปี 2569 เป้าหมายระยะสั้น 165.00 บาท