หุ้นไทยสุดสวิง แม้ต่างชาติซื้อกว่า 1.3 พันล้าน แต่ถูกพี่กองถล่มขายกว่าพันล้าน กดดัชนีไม่ไปไหน ลดลง 0.56 จุด มาปิดตลาดที่ 1,657.06 จุด หุ้น INET ร้อนปรอทแตก ขาใหญ่ไม่สนใจแม้จะเป็นหุ้นรัฐบาล กระชากราคาพุ่งชนเพดาน หุ้นหุ้นเทิร์นอะราวด์ PSG ขนาดถูกจับขังระดับ 2 ก็ยังร้อนไม่เลิก จนตลาดหลักทรัพย์ต้องเตือนนักลงทุนอีกครั้ง แค่ 7 วัน บวกไปแล้ว 108.92% ดูกราฟแล้วน่าหวาดเสียว
หุ้นไทยวันนี้ ไปไม่รอด ดัชนีสวิงขึ้นลงกว่า 10 จุด เปิดตลาดเขียวขึ้นมาได้สักพัก ถูกแรงขายจากบรรดากองทุน กดหุ้นไทยลงไปแดนลบ ไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1,654.05 จุด แต่ยังดีที่มีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามา หลังจากตั้งลำได้ ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา และไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,664.23 จุด แต่พอคล้อยบ่ายมีแรงทุบเข้ามาอีก กดดัชนีลงมาปิดตลาดที่ 1,657.06 จุด ปรับตัวลดลง 0.56 จุด หรือ 0.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 79,544.57 จุด
โดยวันนี้นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า 1,086 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 831 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,370 ล้านบาท บัญชีโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 546 ล้านบาท
สำหรับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับ คือ
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,552.55 ล้านบาท ราคาปิดที่ 143.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,755.13 ล้านบาท ราคาปิดที่ 125 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,500.56 ล้านบาท ราคาปิดที่ 96.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
4.GPSC มูลค่าการซื้อขาย 1,497.09 ล้านบาท ราคาปิดที่ 84.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.TIPH มูลค่าการซื้อขาย 1,488.35 ล้านบาท ราคาปิดที่ 67.75 บาท ลดลง 19.75 บาท
ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา สำหรับขาใหญ่ ที่กระชากหุ้น INET หรือ บมจ. อินเทอร์เน็ตประเทศไทย ราคาเปิด GAP เป็นแท่งเทียน Hammer พุ่งซิลลิ่งแต่เช้า ค้างเติ่งจนปิดตลาด บวกแรงขึ้นมา 1.70 บาท หรือ 29.82% มายืนที่ 7.40 บาท ทำจุดสูงสุดใหม่ All Time High แถมวอลุ่มโป่งถึง 250 ล้านบาท
ดูความเคลื่อนไหวย้อนหลัง พบว่า ขาใหญ่เริ่มสะสมหุ้นกันตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ต้นทุนแถวๆ 4.56 บาท และเริ่มจุดพลุสร้างวอลุ่มกันช่วงต้นปี ก่อนจะร้อนแรงสุดๆ ในวันนี้ จากต้นทุนแถวๆ 4.56 บาท ตอนนี้ขยับมาปิดที่ 7.40 บาท เท่ากับบวกขึ้นมา 2.84 บาท หรือ 62.82%
ที่บอกว่าไม่ธรรมดา เพราะหุ้นตัวนี้เป็นของรัฐบาล ถือหุ้นโดย บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ถือรวมกัน 50 % ยังถูกขาใหญ่ลากราคาได้ขนาดนี้ แล้วหุ้นเล็กๆ ตัวอื่น ที่ไม่ได้ถือหุ้นโดยรัฐ จะขนาดไหน ดูทรงแล้วหากยังร้อนแรงต่อ คงถูกตลาดหลักทรัพย์จับขัง T1 เป็นแน่
TNITY หรือ บล.ทรีนิตี้ วันนี้ดีดพุ่งชนเพดาน บวกขึ้นมา 3.40 บาท หรือ 29.57% มาปิดที่ 14.90 บาท รับข่าวดี มี 2 กลุ่มใหม่เข้าถือหุ้นใหญ่แทน "คอมลิงค์ - นายแพทย์นิติพล ชัยสกุลชัย" ที่ขายให้ ณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ จำนวน 22 ล้านหุ้น หรือ10.26% และสุทธิพจน์ อริยสุทธิวงศ์ จำนวน 10 ล้านหุ้น หรือ 4.66% ถือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจการเงิน การลงทุน และธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมทัพให้กับทรีนีตี้ ได้เป็นอย่างดี
หุ้นที่ร้อนแรงอีกคือ FSS หรือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ถูกกระชากราคาวิ่งชนซิลลิ่ง บวกขึ้นมา 1.70 บาท มาปิดที่ 7.40 บาท วิ่งแซงราคาที่ Pilgrim Finansa Investment Holding Pte. Ltd ประกาศเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นละ 4.07 บาท ไปเยอะมาก สรุปแล้วคงไม่มีนักลงทุนเอาหุ้นมาขายให้แน่ๆ
เคส FSS ไม่รู้ว่าไปลอกแบบ กรณีหุ้น UBIS มาหรือเปล่า ที่ก่อนหน้านี้ นายนันท์ กฤตยานุตกุลท เข้าถือหุ้นใหญ่ 51.43% จนเข้าเงื่อนไขก.ล.ต. ต้องทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ แม้ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ประสงค์จะเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดฯ ก็ตาม ถูกบังคับให้ต้องประกาศตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นละ 7 บาท ก็เลยปล่อยให้รายใหญ่เข้าทำราคา จนพุ่งไปกว่า 19 บาท สรุปหลังเสร็จสิ้นกระบวนการตั้งโต๊ะรับซื้อไม่มีใครขายให้แม้แต่หุ้นเดียว หลังจากราคาก็ไหลลงกลับมาวิ่งเล่นแถวๆ 6-8 บาท เหมือนเดิม
แต่บทสรุป หุ้น FSS ราคาจะเป็นเหมือนหุ้น UBIS หลังเสร็จสิ้นกระบวนการตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ หรือไม่คงต้องติดตามกันต่อไป
TIPH หรือ บมจ.ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ช่วงท้ายตลาด ถูกถล่มขายอย่างหนัก กดราคาร่วงถึง 19.75 บาท หรือ 22.57% ลงมาปิดที่ 67.75 บาท จากความกังวลเรื่องโอมิครอน ที่แพร่ระบาดระลอก 5 อาจต้องเผชิญปัญหา "เจอ จ่าย จบ" ดูทรงแล้วมีโอกาสลงต่อ เพราะวอลุ่มขายการซื้อขายหนาแน่นเหลือเกินมากถึง 1,488.68 ล้านบาท ทำให้มีความเป็นไปได้ที่แรงขายอาจจะต่อเนื่องถึงวันพรุ่งนี้
PSG หรือ บมจ. พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น หุ้นเทิร์นอะราวด์ ที่กลุ่มนางปณิชา ดาว เข้ามาเทกโอเวอร์ ขนาดถูกตลาดหลักทรัพย์ จับขังระดับ 2 ก็ยังร้อนไม่เลิก วันนี้บวกไปอีก 0.17 บาท หรือ 17% ขึ้นมายืน 1.17 บาท จนตลาดหลักทรัพย์ต้องเตือนนักลงทุนอีกครั้ง ให้ระมัดระวังก่อนซื้อขาย เพราะราคาร้อนแรงเกินไปจริงๆ แค่ 7 วัน จากราคา 0.56 บาท พุ่งขึ้นมาที่ระดับ 1.17 บาท บวกไปแล้ว 0.61 บาท หรือ 108.92% ใครคิดจะแห่ตามตัวนี้ก็ต้องระวังกันหน่อย เพราะดูกราฟราคาแล้วน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกิน เตือนกันแล้วน่ะ จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามไป