นักวิเคราะห์มองแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ ผันผวน มองกรอบ 1,630-1,660 จุด เพราะตลาดกลุ่มนำตลาด หุ้น Top pick ประจำสัปดาห์นี้ EPG GPSC และ SAT
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองการลงทุนสัปดาห์นี้(22-26พ.ย.) คาดดัชนีสัปดาห์นี้จะผันผวนในกรอบ 1,630-1,660 จุด เนื่องจากคาดว่าตลาดจะพักตัว เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับขึ้นทดสอบ High เดิมไปแล้วแต่ยังไม่ผ่าน ประกอบกับมองว่าหุ้นในกลุ่มน้ำมัน ธนาคาร และกลุ่มธีมเปิดเมืองมีปัจจัยกดดันทำให้ขาดกลุ่มนำตลาด
โดยกลุ่มน้ำมันมีปัจจัยลบหลังจาก ราคาน้ำมันดิบยังลดลงต่อเนื่องจากข่าวจีน สหรัฐ และ ญี่ปุ่น เตรียมระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันแพง, กลุ่มธนาคารมีโมเมนตัมลบต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนจากข่าวแบงก์ชาติเตรียมเข้ามาตรวจสอบกรณีขายประกันพ่วง และสุดท้ายหุ้นธีมเปิดเมืองมี Sentiment ลบหลังไวรัส Covid-19 กลับมาระบาดรอบ 4 ในหลายประเทศของยุโรป
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามเพิ่มเติมคือ ตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ต.ค. , ตัวเลขเงินเฟ้อหรือดัชนีPCE Price Index ของสหรัฐ รวมไปถึงการเปิดเผยรายงานการประชุมของ เฟด หรือ FED Minute
ดังนั้น การลงทุนในสัปดาห์นี้จึงยังต้องระวังหุ้น 3 กลุ่มข้างต้น กลยุทธ์อาจจะพักเงินในหุ้น Defensive เช่นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นค่ำ Ft กลุ่ม ICT ที่เป็นหุ้นปันผล (ADVANC DTAC), กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันลง และกลุ่มที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
วันนี้ (22 พ.ย.) ติดตามการประกาศความร่วมมือ “อีโค พาร์ทเนอร์ชิพ”ระหว่าง DTAC และ TRUE
สำหรับหุ้น Top pick ประจำสัปดาห์นี้คือ
• EPG (เป้า 16 บาท) ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มลดลง ส่วนผลประกอบการคาดกำไร 3Q22 (ต.ค.-ธ.ค.) เติบโตต่อเนื่องจากการเปิดเมืองและปรับขึ้นราคาขายทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ (ฉนวนฯ,ชิ้นส่วนยนนยนต์ และ packaging) ช่วยหนุนยอดขายและ GPM เพิ่มขึ้น
• GPSC (เป้า 80 บาท) เป็นหุ้น Defensive เหมาะสำหรับพักเงินในช่วงที่ตลาดผันผวน, ได้ประโยชน์จากข่าว กพช. ประกาศปรับขึ้นค่า Ft จำนวน 16.71 สตางค์ต่อหน่วย และปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดในปีหน้า และสุดท้ายยังได้โยชน์จากกระแส EV Car และ Battery Storage
• SAT (เป้า 25.50 บาท) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สะท้อนจากยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัวเร็ว ล่าสุดมียอดผลิตเดือน ต.ค. ที่ 154,038 คัน เพิ่มขึ้น 10%mom และ 3.27%yoy และเพิ่มขึ้นกว่า 48% เมื่อเทียบกับยอดการผลิต ณ เดือน ส.ค. ที่ 104,144 คัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้
-------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1