แนวโน้มตลาดวันนี้ (26 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ แต่ลดระดับลง นายกฯ กล่าวหลังพบ FETCO ว่าจะทําสิ่งที่ทางตลาดทุนฯ ร้องขอมาให้สําเร็จ 3-4 เรื่องเปนปจจัยหนุนในระยะกลาง โดยการแถลงต่อสภาจะเริ่มในวันที่ 29 ก.ย. นี้ และนโยบายใกล้เคียงกับที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ ทางเทคนิค ตลาดรีบาวด์ต่อเนื่อง 2 วัน ยังให้ติดตามที่ 1283/1293 หากยืนเหนือได้จึงจะกลับมาเปนบวก หากยังยืนไม่ได้ยังแกว่งพักตัว การลงมีแนวรับที่ไม่ควรลงหลุดตากว่าที่ 1278/1270 ตากว่าจะลงรอบใหม่
ประเด็นสําคัญ
• วานนี้มีการเปดนโยบายรัฐบาลซึ่งจะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ก.ย. นี้ ซึ่งจะแก้ไขปญหาเร่งด่วนของประเทศ 5 ด้านใน 4 เดือน 1) เศรษฐกิจ 2) ความมั่นคง 3) สังคม 4) ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 5) การบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย ในด้านเศรษฐกิจ เรามองว่า คนละครึ่งพลัสจะเป็นโครงการแรกที่ออกมาเพื่อกระตุ้นศก. ระยะสั้น โดย รมว. คลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม. ช่วงกลาง ต.ค. นี้ ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPAXT CPALL BJC TNP) และกลุ่มสินค้าบริโภคอย่างเครื่องดื่ม (CBG OSP HTC ICHI)โดยเราประเมินหากคนละครึ่งใช้งบราว 3-5 หมื่น ลบ. จะช่วยกระตุ้น GDP ได้ราว 0.13%
• รมว. คมนาคมเผยยุตินโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายและจะไม่ต่ออายุสำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและม่วงที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. นี้ แต่เตรียมแพ็กเกจลดค่าครองชีพด้านการเดินทางที่ครอบคลุมมากขึ้นทดแทนนโบบายเดินที่รัฐต้องชดเชยกว่า 2 หมื่นลบ. ต่อปี
• นายกฯ นำทีมเศรษฐกิจหารือกับ FETCO เดินหน้านโยบายส่งเสริมความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่องตลาดทุนไทย ยกเลิกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคแทนการออกกฎหมายใหม่ซึ่งจะใช้เวลานาน
• GDP 2Q68 สหรัฐฯ ขยายตัว 3.8%QoQ สูงกว่าตลาดคาดและพลิกฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนที่หดตัว หนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว 2.5%QoQ และการลงทุนธุรกิจเร่งขึ้น 7.3%QoQ ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี ขณะที่การนำเข้าหดตัวมากถึง 29.8%QoQ จากไตรมาสก่อนที่ได้เร่งนำเข้าไปแล้ว
• สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้ายามีสิทธิบัตรจากต่างประเทศ 100% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้ เว้นแต่บริษัทยาเหล่านั้นจะมีโรงงานผลิตหรือเริ่มก่อสร้างในสหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐานหรือแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ปัจจัยในประเทศยังอยู่ระหว่างรอติดตามแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นการลงทุนให้ฟื้นตัวและการไหลเข้าของ Fund Flow ในระยะถัดไป ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ PMI และ PCE ซึ่งหากออกมาแย่กว่าตลาดคาด จะมีผลต่อการพิจารณาตัดสินใจเร่งลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในระยะถัดไป อย่างไรก็ดีมอง SET เริ่มมี Upside จำกัดและอาจชะลอการขึ้นสั้นบ้าง หลังดัชนีปรับขึ้น 19% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ Downside ยังจำกัดเช่นกัน หลังเริ่มเห็น Fund Flow ชะลอการขาย ประเมิน SET มีแนวต้านบริเวณ 1320 และมีแนวรับ 1270 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
CENTEL: มีปัจจัยกระตุ้นจากแจ้งลงทุนโรงแรมเพิ่มใน Centara Life Osaka ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตฯ ท่องเที่ยวญี่ปุ่น และคาดได้อานิสงส์เพิ่มจากมาตรการกระตุ้น ศก. ระยะสั้นผ่านการบริโภคและท่องเที่ยวของรัฐบาลใหม่ ส่วน 3Q68-1Q69 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่อง QoQ ราคาเป้าหมายระยะสั้น 34 บาท
PTT: มีปัจจัยกระตุ้นจากเรื่อง Asset Monetization ที่ทยอยมีความชัดเจน และยังมีเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลหุ้นละ 0.90 บาท (XD 1 ต.ค.) คิดเป็นให้ Div. Yield ใน 1H68 ราว 2.7% หนุนให้ระยะสั้นราคาหุ้นมี Downside จำกัด ส่วน 3Q68 คาดกำไรจะฟื้นตัวจากธุรกิจ P&R และธุรกิจ E&PPTT ดีขึ้น ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 34.50 บาท