โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังปี 64 หุ้นละ 0.08 บาท ขึ้น XD วันที่ 9 พ.ค. 65 หลังกวาดกำไร 932 ล้านบาท เดินเกมรุกปี 2565 เปิดตัว 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 47,700 ล้านบาท ตั้งเป้าปั้นรายได้ 1.1 หมื่นล้าน
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE หนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการมีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2564 เพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับงวดครึ่งมีแรก อัตรารวม 0.43 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล (Dividend Yield) ประมาณ 7%
โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 10 พ.ค.2565 และจ่ายเงินในวันที่ 26 พ.ค.2565
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 มีรายได้รวม 7,430 ล้านบาท ลดลง 32% เมื่อเทียบจากปีก่อน และกำไรสุทธิอยู่ที่ 932 ล้านบาท ลดลง 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน ส่วนอัตรากำไรสุทธิ ลดลงอยู่ที่ระดับกว่า 12.5% และอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ระดับ 33.0% ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการทำแคมเปญสำหรับโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งนอกจากส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อภาคการดำเนินธุรกิจด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนทิศทางธุรกิจในปี 2565 บริษัท ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยวางเป้ายอดขาย (Pre-sale) ไว้ที่ 28,000 ล้านบาท และรายได้ 11,000 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,700 ล้านบาท
โดยช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโครงการพร้อมกัน 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการนิว โนเบิล ดิสทริค อาร์ 9 / โครงการนิว โนเบิล เมกา พลัส บางนา /โครงการนิว โนเบิล ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น ซึ่งทั้ง 3 โครงการเป็นโครงการติดห้างสรรพสินค้า
นอกจากนี้ ยังมีโครงการนิว โนเบิล อีโว อารีย์ และโครงการนิว โนเบิล คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขายสองเดือนแรก สำหรับ 5 โครงการรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท และรวมยอดขายจากทุกโครงการเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนการลงทุนในสหราชอาณาจักร สำหรับในปี 2565 ยังคงแผนหน้าขยายการลงทุนซื้อสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนจากเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งอาคาร เป็นแบบ Bulk ยูนิต หรือการซื้อเป็นจำนวนหลายๆ ห้อง (Bulk Deal) แทน เพราะการแข่งขั้นที่น้อยกว่าการซื้อทั้งอาคาร
โดยในปี 2565 วางเป้าหมายจะซื้อสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษ 550 ยูนิต ภายใต้วงเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ซึ่ง NOBLE จะลงทุน 45% ตามสัดส่วน) โดยในเบื้องต้นคาดว่าภายในไตรมาส1/2565 จะมีการซื้อสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์จำนวน 70 ยูนิต
จากจุดแข็งทางธุรกิจของ “NOBLE” ไม่ว่าจะเป็นการมีเครือข่ายในต่างประเทศ รวมถึงการมีฐานลูกค้าต่างชาติที่แข็งแกร่ง และมีกลยุทธ์การขยายการลงทุนในต่างประเทศ ยังคงเป็นโอกาสการลงทุนทางธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต อย่างมีนัยสำคัญ