NAT เดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กางแผนธุรกิจปี 66 ชูจุดเด่นInfratech โอกาสเติบโตสูง ปักธงรายได้โตปีละ 30% ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจเทคโนโลยีระดับโลก มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาโซลูชั่นด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ เสริมบริการด้าน Cyber Security สร้างการเติบโตต่อเนื่อง ขยายพอร์ตลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เตรียมขยายพอร์ตลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน มั่นใจเป็น บจ. เสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมแผนยื่นไฟลิ่ง (แบบแสดงรายการข้อมูล) เพื่อระดมทุนเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในไตรมาส 3 นี้ โดยจะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ซึ่งตั้งเป้าหมายหุ้นเข้าเทรดวันแรกถายในปลายปี 2566 นี้
สำกรับแผนดำเนินธุรกิจของ NAT ให้บริการด้าน Infratech ในส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริการด้านเทคโนโลยีครบวงจรแก่องค์กรชั้นนำของประเทศ โดยโครงสร้างรายได้ของบริษัท แบ่งตามลักษณะการประกอบธุรกิจ(ข้อมูล ณ ปี 2565 ) มาจาก (1) ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีรายได้สัดส่วน 97.15%, (2) ธุรกิจให้บริการเจ้าหน้าที่ไอที 1.52% และ (3) รายได้จากการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น การให้บริการเดินสายระบบเน็ตเวิร์ค (Cabling System) การให้บริการเช่าเครื่องพิมพ์เอกสาร เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ 1.33% โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าภาครัฐในสัดส่วน 85.66% และ ภาคเอกชน 14.34% ของรายได้จากการขายและบริการ
"ปีนี้ บริษัทคาดรายได้จะเติบโตราว 30-50% ซึ่งครึ่งปีแรกออกมาได้ตามเป้าหมายปัจจุบันรายได้หลักจะมาจากจำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ ธุรกิจนี้จะมี gross profit ราว 10% ก็จะใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม แต่ถ้าการแข่งขันสูงก็จะมีมาร์จิ้นบางลง แต่เรามีจุดเด่นที่มีพันธมิตรระดับโลกนำโดย Dell การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เพื่อต้องการระดมทุนมาใช้เป็นเงินหมุนเวียนและขยายกิจการ ปี 2565 เ รายได้โตก้าวกระโดดถึง 1 พันล้านบาท จาก 400 ล้านบาทในปี2564 หลังเข้าตลาดหุ้น เราคาดว่า แนวโน้มรายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ในระยะ 3 ปี โดยมีแผนจะขยายงานลูกค้าภาคเอกชนมากขึ้นเพื่อสร้างการเติบโต ซึ่งตั้งเป้ารับงานภาคเอกชนสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 40% และภาครัฐ 60 %อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มพลังงาน "
ทั้งนี้ NAT วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีชั้นนำจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกมาใช้ในการพัฒนาโซลูชั่น และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการขยายกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล และ กลุ่มพลังงาน คาดว่าจะส่งผลให้การเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลกในการขายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ และการให้บริการในฐานะ “ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่น (Solution Provider)” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในวงกว้าง อาทิ เดลล์ เทคโนโลยีส์ (Dell Technologies) เจ้าของผลิตภัณฑ์ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา ในระดับ Titanium Partner ซึ่งเป็นระดับพันธมิตรทางธุรกิจขั้นสูงสุด, Genesys ผู้นำด้าน Customer Experience แบบ Omnichannel และผู้ให้บริการ Cloud Contact Center ระดับโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา, Radware ผู้นำด้านเทคโนโลยี DDoS Protection และ ผู้นําระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และ บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัดหรือ Vmware ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และให้บริการด้านระบบคลาวด์
“ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานมากว่า 19 ปี บริษัทมีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง โดยการส่งมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ามีความพร้อมในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Transformation ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้า และบริษัทมีความมั่งมุ่นในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจไอทีและดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และเตรียมพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายสุธี กล่าวเพิ่มเติม