บล.กรุงศรี แนะนำซื้อหุ้น EKH ให้ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ และมีอัพไซด์อีก 0.30-0.40 บาท จากการถือหุ้นใน KLINIQ ที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนใน MAI 

ในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน)  หรือ EKH กำไรจะโต 9% ในปี 2566 และ 18% ใน 2567 เป็น 227 ล้านบาท และ 268 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนโควิด สนับสนุนจากการปลดล็อคอุปสงค์คงค้างของ การทำเด็กหลอดแก้ว และรายได้ non-Covid ฟื้นตัว และปรับราคาขึ้น 3-5% 

 
รายได้ การทำเด็กหลอดแก้ว จะเติบโตก้าวกระโดด เป็น 150 ล้านบาท และ 200 ล้านบาทใน 2566-2567 คิดเป็น 68% และ 90% ของรายได้การทำเด็กหลอดแก้ว ก่อนโควิดตามลำดับ จาก 38-42 ลล้านบาท ในปี 2563-2564 และจะกลับเป็นกำไร 30 ล้านบาท และ 40 ลล้านบาท ในปี2566-2567 จากขาดทุน 14-24 ล้านบาท ในปี2563-2564  จากการปลดล็อคอุปสงค์คงค้างของลูกค้าจีน (นโยบายให้มีบุตรได้มากกว่า2 คนเริ่ม 1 มิ.ย. 2021) ซึ่งคาดว่าจีนจะเปิดประเทศหลังประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ 16 ต.ค.นี้ รายได้จากลูกค้าจีน มากกว่า90% ของรายได้การทำเด็กหลอดแก้ว ก่อนโควิด

รายได้ non-Covid จะฟื้นตัว โดยเฉพาะศูนย์ฯ สูติฯ และศูนย์ฯ เด็ก ซึ่ง EKH มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเทียบกับรพ.เอกชนในสมุทรสาคร และศูนย์ฯ อุบัติเหตุ เราคาดรายได้ non-Covid เพิ่มขึ้น 16% เป็น 970 ล้านบาท ในปี 2566  และ 12% เป็น 1.1 พันล้านบาท ในปี 2567 จากจำนวนผู้ป่วยโรคระบาดตามฤดูกาลและอุบัติเหตุในโรงงานสูงขึ้น EKH ยังมีแหล่งรายได้เพิ่มจากตรวจ ATK ผู้ป่วยที่มีไข้ และขยายแผนกไตเทียม
 

ฝ่ายวิจัย ให้มูลค่าธุรกิจโรงพยาบาล 9.20 บาท จากพี/อี 29เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเล็กน้อย และมีอัพไซด์จากจากการถือหุ้นใน KLINIQ ซึ่งกำลังมีแผนจะเข้าจดทะเบียนใน MAI อีก 0.30-0.40 บาท/หุ้น