โบรกฯให้เป้าเท่าไหร่ หลังแบงก์ประกาศงบไตรมาส 1/66
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ประกาศงบไตรมาส 1/66 กันครบหมดแล้วทั้ง 10 แห่ง มีกำไรรวมกัน 60,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 13.32% ที่มีกำไรสุทธิ 53,190 ล้านบาท
ธนาคารที่กำไรโดดเด่นสุด และต้องยกให้เป็นพระเอกตัวจริงของไตรมาสนี้ คือ BBL ที่ผลประกอบการค่อนข้างเซอร์ไพรส์ตลาด มีกำไร 10,129 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นมากถึง 42.30% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 7,118 ล้านบาท มากกว่าที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์
ในมุมมองของ บล.พาย หลังเห็นงบได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่จากเดิมที่ให้ไว้ 184 บาท เป็น 190 บาท และยกให้เป็นหุ้นที่โดดเด่นสุดในกลุ่ม โดยให้เหตุผล เพราะ 1) งบดุลแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนการตั้งสํารองหนี้ฯและเงินกองทุนขั้นที่1 ที่สูงขึ้น 2) แนวโน้มการเติบโตของกําไรสุทธิที่แข็งแกร่ง 3)อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)ที่สูงขึ้น และ 4)มูลค่าหุ้นไม่แพงปัจจุบันซื้อขายกันที่เพียง 0.6x PBV ปี 2566
อีกธนาคารที่กำไรโดดเด่น คือ TTB กำไร 4,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.41%จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 3,194 ล้านบาท ในมุมมองของบล.ฟิลลิป มองว่ากำไรที่ประกาศออกมา ดีกว่าคาดจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการหันไปปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น พร้อมยังคงให้คำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาพื้นฐาน 1.66 บาททั้งนี้ กำไรที่ดีกว่าที่คาดอาจทำให้ ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรขึ้น หลังมีการจัดประชุมนักวิเคราะห์
ธนาคารกรุงศรี หรือ BAY ก็เป็นอีกธนาคาร ที่กำไรโตเด่น อยู่ที่ 8,676 ล้านบาท โตขึ้น 16.95% จากปีก่อนที่มีกำไร 7,418 ล้านบาท ทำให้บล.บล.ฟิลลิป ปรับประมาณการกำไรปี 66 ขึ้นเป็น 3,5000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8%จากปีก่อน จากการปรับลดประมาณการการตั้งสำรอง และปรับราคาพื้นฐานเป็น 38 บาท
KTB เป็นอีกธนาคารที่กำไรเติบโตแกร่ง ไตรมาส 1 กำไรอยู่ที่ 10,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.64% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยที่บล.หยวนต้า แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมาย 21 บาท กำไรที่ออกมาดีกว่าคาด เนแบงก์ที่มีพัฒนาการทางธุรกิจที่มีความน่าสนใจมากขึ้น หลังรุกขยายสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงและการใช้ประโยชน์จากSynergy กับบริษัทในเครือมากขึ้นซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพเติบโตในระยะยาว
ส่วน SCB มีกำไร 10,995 ล้านบาท โตขึ้น 9.47% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 10,044 ล้านบาท โดยที่ บล.กรุงศรีมองว่าผลประกอบการยังแข็งแกร่งให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 160 บาท กำไรสุทธิ 1Q23 โตแกร่ง แนวโน้มไตรมาส 2 ยังโตต่อเนื่องจาก NIM ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ คาดว่าจะปรับลงสู่ระดับปกติที่ระดับ 7-8 พันล้านบาท จาก 9,900 ใน ไตรมาสแรก66
KBANK แม้กำไรจะอ่อนตัวลง 4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เหลือ 10,741 ล้านบาท จากที่เคยมีกำไร 11,210 ล้านบาท แต่ในมุมมองของ บล.ทรีนีตี้ ยังแนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมาย 158 ล้านบาท ซึ่งกำไรที่ประกาศอกมาถือว่าใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ พร้อมทั้งปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลงเล็กน้อย