โบรกฯ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น KSL ให้ราคาเป้าหมาย 5.19 บาท หลังผลประกอบการที่ยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจนถึงปี 66 จากปริมาณผลผลิตอ้อยปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมกับราคาขายที่ทำสัญญาล่วงหน้าไปแล้วในช่วงราคาอยู่ที่ในระดับสูง
บล.พาย มองหุ้น บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ว่า ภาพรวมน้ำตลาดโลกในฤดูกาล 65/66 แม้ว่าจะมีการคาดว่า ยังอยู่ในภาวะเกินดุล แต่มีการปรับลดลงมาเหลือที่ 2.7 ล้านตัน จากเดิม 3.9 ล้านตัน เป็นการปรับการบริโภคในอินเดียเพิ่ม โดยผลผลิตส่วนเกินยังคงมาจากผลผลิตจากไทยที่เพิ่มขึ้นมาถึงระดับ 12 ล้านตัน จากปี 64/65 ที่มี 9.6 ล้านตัน ขณะที่บราซิลยังต้องติดตามว่า หากราคาน้ำมันลดลงอาจจะทำให้เกษตรกรหันมาผลิตน้ำตาลแทน ซึ่งอาจจะทำให้มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ผลิตขนาดใหญ่อื่นอย่าง EU ปากีสถาน และอินเดีย คาดว่า ผลผลิตจะลดลง
ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มน้ำตาลที่เกินดุลทำให้กองทุนต่างๆ หันมาปรับสถานการณ์ถือสัญญาล่วงหน้าจากเดิมมีการถือสัญญา Long แต่ล่าสุดมีการปรับสถานะ เป็นการ Short แทน ทั้งนี้ การปรับสถานะของกองทุนดังกล่าวทำให้ราคาในตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยทาง KSL มองกรอบราคาไว้ที่ 18-19 Cent/Pound
ส่วนปริมาณผลผลิตอ้อยไทยในปี 65/66 คาดว่า จะสูงถึง 115 ล้านตัน (+25%) เป็นผลจากราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีทีผ่านมา จูงใจให้เกษตรกรปลูกมากขึ้น ทำให้ KSL คาดว่า จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้นเป็น 8.2 ล้านตัน ขณะที่การทำราคา คาดว่า จะใกล้เคียงกับปี 65 ที่ระดับ 20 Cent/Pound ซึ่งมีการขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 50% จึงช่วยลดผลกระทบ หากราคามีการปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปีได้
บล.พาย มองว่า หลังจากกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ออกมาสูงถึง 1,266 ล้านบาท มากกว่ากำไรทั้งปีที่เราคาดไว้แล้ว ทำให้เรามีการปรับกำไรขึ้นจากเดิม 35% มาอยู่ที่ 1,387 ล้านบาท (+125%YoY) มีรายได้ที่ 15,815 ล้านบาท (+51%YoY) สำหรับปี 66 ด้วยปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายใกล้เคียงเดิม ทำให้เราคาดผลประกอบการจะเติบโตได้ต่อเนื่องมีรายได้ที่ 18,625 ล้านบาท (+18YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,577 ล้านบาท (+14%YoY)
KSL ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.03 บาท/หุ้น XD 22 ก.ย.และมีกำหนดจ่าย 7 ต.ค.นี้ คงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาพื้นฐาน 5.19 บาท
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า KSL มีปัจจัยบวกให้เก็งกำไรราคาหุ้น จากแนวโน้มราคาน้ำตาลที่อาจแกว่งตัวขึ้นในข่วงครึ่งหลังของปีนี้ถึงปี 66 เบื้องต้นมองกรอบน้ำตาลปี 66 ไว้ที่ 18-19.5 Cent/Pound ยังทรงตัวสูงขึ้นจากราคาเฉลี่ยปีนี้ที่ 18 Cent/Pound แม้ตลาด คาดว่า ภาวะน้ำตาลโลกปี 65/66 จะเกินดุลเป็นปีที่ 2 แต่ระดับเกินดุลไม่มากนักเพียง 2.69 ล้านตัน ขณะที่ยังมีความเป็นไปได้ที่ผลผลิตน้ำตาลอาจต่ำกว่าคาด
นอกจากความผันผวนของสภาพอากาศแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องราคาพลังงานที่อาจปรับตัวสูงขึ้น และจะทำให้ถูกแย่งอ้อยไปใข้ผลิตเอทานอล แทนการผลิตน้ำตาล ขณะที่แนวโน้มกำไรปี 65/66 จะสดใสต่อเนื่อง เพราะคาดปริมาณอ้อยไทยปี 66 จะเพิ่มขึ้น 25%YoY และเริ่มล็อกราคาขายส่งออกน้ำตาลปีหน้าที่ราคาสูงไปแล้ว 50%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า เราปรับเพิ่มกำไรปี 65 ขึ้นเป็น +138%YoY และคาดว่า กำไรปี 66 +9%YoY ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 4.90 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”