Market

โนเบิล ไตรมาส 1 กำไร 73 ล้านบาท พุ่ง 1,195% ยอดขาย Pre-Sale แตะ 4,402 ล้านบาท 
11 พ.ค. 2566

"โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์" เปิดผลงานไตรมาสแรกของปี 66 รายได้ 2,135 ล้านบาท โต 43% กำไร 73 ล้านบาท พุ่ง 1,195% ขณะที่ยอดขายแตะ 4,402 ล้านบาท หนุน Backlog ในมือเพิ่มเป็น 22,396 ล้านบาท รับความมั่นใจฟื้น-ต่างชาติกลับมา มั่นใจรายได้รวมปีนี้ส่อแตะ 15,000 ล้านบาท และยอดขาย 23,000 ล้านบาท ตามเป้า


นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2566 มีรายได้รวมที่ 2,135 ล้านบาท เติบโต 43% YoY และกำไรสุทธิอยู่ที่ 73 ล้านบาท เติบโต 1,195% YoY สาเหตุหลักมาจากมีการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2565 ที่มากขึ้น เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 โครงการนิว ศรีนครินทร์–ลาซาล โครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ โครงการนิว งามวงศ์วาน และโครงการนิว เซ็นเตอร์ บางนา เป็นต้น รวมถึงมีรายได้จากการให้บริการและบริหารงานก่อสร้าง และมีรายได้อื่นจากการยกเลิกสัญญาและรายได้จากการบริหารโครงการ ที่เพิ่มมากขึ้นจากโครงการร่วมทุน

 

โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มียอดขายรวม (Pre-sale) แตะ 4,402 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าพร้อมขาย (Inventory) จำนวน 1,060 ล้านบาท และเป็นยอดขายจากสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและโครงการใหม่จำนวน 3,342 ล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา ส่งผลดีต่อ Sentiment ทั้งลูกค้าในกลุ่มที่เป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real demand) และลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน 


ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วจำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,800 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท และ 2.โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 ในมือรวมมูลค่า 22,396 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยรับรู้ภายใน 2-3 ปี 

 

"บริษัทฯ เชื่อว่าในปี 2566 Sentiment จะยังคงฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการปรับพอร์ตกระจายฐานลูกค้าต่างชาติให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ใต้หวัน สิงคโปร์ และเมียร์มาร์ เป็นต้น เพื่อรองรับการเปิดประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยการเปิดประเทศของจีน ทำให้ความต้องการจากลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้กลับมาคึกคักสู่ภาวะปกติและนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มทยอยเข้ามาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรงทำให้ยอดขายของลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น เช่น โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ติดเซ็นทรัลพระรามเก้า และ MRT เพียง 180 เมตร เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ ใจกลาง New CBD คอนโดฯ คุณภาพ ซึ่งปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 81% และมีสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าต่างชาติแล้วกว่า 38% 

 

นายธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ประกอบกับ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยเปิดตัวในปี 2566 ส่งผลให้บริษัทฯ เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางการ ดำเนินงานในปี 2566 อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และยอดขายที่ระดับ 23,000 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้
 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com