หุ้นไทย มีสัญญาณอ่อนแอจากหลากหลายปัจจัยลบ โดยเฉพาะ 3 ธนาคารกลางประเทศใหญ่ๆจ่อขึ้นดอกเบี้ยในรอบประชุมต้น พ.ค. นี้ ราคาน้ำมันดิบร่วง คลังหั่น GDP ไทยลง คาดภาคส่งออกหดตัว แนะหุ้นมี่มีข่าวบวกหนุน ชี้หุ้นได้อานิสงส์ยอดผลิตและส่งออกรถโตดี หนุน AH SAT และ STANLY,
แนวโน้มหุ้นไทยวันนี้ (26 เม.ย.) บล.กรุงศรี ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,530 / 1,520 จุด จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวหลังคาดการณ์ว่า FED , BoE และ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่ปรับตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจะเป็นแรงกดดันต่อภาวะการลงทุนช่วงนี้ ดังนั้นยังคงแนะนำ Selective buy หุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำหุ้น KSL BRR KBS KTIS อานิสงส์ราคาน้ำตาลพุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี และ AMATA WHA ROJNA NYT อานิสงส์ค่ายรถ EV ตั้งฐานการผลิตในไทย ส่วน ADVANC INTUCH BCH WHAUP CPALL SISB ICHI คาดการณ์งบ 1Q23F เติบโตขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้
- BCH (ปิด 21.80 ซื้อ/เป้า 26.5 บาท) ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะการตรวจพบสายพันธ์ใหม่ (XBB.1.16 และXBB.1.1) และได้ประโยชน์จากประกันสังคมปรับเพิ่มค่ารักษาฯ รายหัวเพิ่ม 10%
- CPALL (ปิด 63.75 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 72.75 บาท) คาดกำไรสุทธิ 1Q23 เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จาก SSSG ที่เพิ่ม โดยเฉพาะสาขาในหัวเมืองท่องเที่ยว แนวโน้ม2Q23 โตต่อจากการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงสงกรานต์และเลือกตั้ง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ยอดผลิตและส่งออกรถยนต์เดือน มี.ค. โตดี แต่ยอดขายในประเทศชะลอตัว: โดยมียอดผลิตที่ 179,848 คันเพิ่มขึ้น 8.6%mom และ 4.16%yoy เป็นบวกกับ AH SAT และSTANLY, ยอดส่งออก 98,381 คันเพิ่มขึ้น 4.84%mom และ 11.1%yoy เป็นบวกกับNYT ส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 79,943 คัน เพิ่มขึ้น 11.7%mom แต่ลดลง8.37%yoy เป็นลบกับ TISCO KKP
(-) คลังมองลบลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 66 โต 3.6% จาก 3.8%: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของไทยปีนี้เหลือโต 3.6% จากเดิมคาด 3.8% สะท้อนภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจึงปรับสมมติฐานของภาคส่งออกเป็นหดตัว 0.5% จากเดิมคาดขยายตัวเล็กน้อย
(+) ครม. ตั้งงบกลาง 1.1 หมื่นล้านบาทช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้ประชาชน: แบ่งเป็น 1) ส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย จำนวน 18.4 ล้านรายคิดเป็งวงเงิน 7.6 พันล้านบาท ระยะเวลา 4 เดือน คือ พ.ค.- ส.ค. และ 2) ให้ส่วน 150 บาทต่อรายเฉพาะรอบบิลเดือน พ.ค. สำหรับผู้ใช้ในพื้นที่การไฟฟ้านครหลวง จำนวน 23.4 ล้านรายมูลค่า 3,510 ล้านบาท