Market

‘NER’ โชว์ 9 เดือน กำไรโตพุ่ง 184% แรงส่งเพิ่มกำลังผลิต-ราคายางขึ้น มั่นใจปีนี้รายได้ตามเป้า
9 พ.ย 2564

NER เปิดงบ 9 เดือน กำไร 1.24 พันล้านบาท โตกระโดด 184.97% เกือบ 2 เท่าตัว รายได้จากการขายรวม  1.84 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.36% หลังขยายกำลังการผลิตในส่วนโรงงานยางแท่งแห่งที่ 2 และราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น มั่นใจไตรมาส 4 ยังโดดเด่น รับราคายางพาราพุ่ง  ขยายฐานลูกค้าอินเดีย ดันทั้งปี 2564 รายได้รวมแตะ 2.4 หมื่นล้านตามเป้าหมาย

 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 3 เดือน (ณ 30 กันยายน 2564๗ ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 440.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 287.99 ล้านบาท หรือ 189.07%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) โดยมีรายได้จากการขายรวม7,153.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,816.27 ล้านบาท หรือโต  64.94% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 4,172.20 ล้านบาท และรายได้จากการขายต่างประเทศ 2,980.87 ล้านบาท โดยสัดส่วนการขายในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ 58.33% และ 41.67% ของยอดขายรวม  

 

สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ  1,245.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 808.52 ล้านบาทหรือ 184.97% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.76 บาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.28 บาท  โดยมีรายได้จากการขายรวม 18,405.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.36% มาจากยอดขายในประเทศ 11,741.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.12%  และรายได้จากการขายต่างประเทศ 6,664.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.35% ทั้งนี้ สัดส่วนการขายในประเทศและต่างประเทศ อยู่ที่  63.79% และ 36.21% ของยอดขายรวม ตามลำดับ

 

ด้านปริมาณขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตในส่วนโรงงานยางแท่ง แห่งที่ 2 ส่งผลให้มีปริมาณการขายสำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 345,474 ตัน เพิ่มขึ้น 111,849 ตัน หรือ 47.88% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 3/2564 สูงขึ้น

 

ทั้งนี้ ราคาหุ้น NER ล่าสุด (9 พ.ย. 64) รอบเช้าปิดที่ 7.15 บาท เพิ่มขึ้น1.42%จากราคาปิดวันก่อนหน้า

 

สำหรับภาพรวมธุรกิจของปีนี้ นายชูวิทย์ กล่าวว่า  บริษัทตั้งเป้ารายได้ 2.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 47%จากปีก่อน และปริมาณขาย 4.4 แสนตัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และรองรับกลุ่มลูกค้าจาก จีน สิงคโปร์ อินเดีย และกำลังซื้อจากภายในประเทศ อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้าไปถึงปี 2565 แล้ว ในส่วนของธุรกิจปลายน้ำปี 2565 ได้ตั้งเป้ารายได้จากแผ่นยางปูรองนอนวัวประมาณ 500 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 20% ซึ่งจะหนุนให้บริษัทมีทิศทางกำไรสุทธิเติบโตอย่างสม่ำเสมอและเติบโตในระยะยาว

 

“คาดการณ์ปี 2565 ความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง  ทั่วโลกให้ความสนใจต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการลดและงดใช้ยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เป็นตัวการสำคัญของก๊าซเรือนกระจก ไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้พลังงานสะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น”นายชูวิทย์กล่าว

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com