นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้ 2,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งไม่มีรายได้ และมีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 97 ล้านบาท  สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/2565 บริษัทมีรายได้ 1,116 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 168 ล้านบาทสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (Record High) โดยเป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหินได้อย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีหลังของปี 2565

“ผลการดำเนินงานปี 2565 ที่เติบโตและสามารถสร้างสถิติใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งของบริษัท ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญเกิดจากลูกค้าที่โอนกรรมสิทธิ์ โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีหลังของปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ 55% ของจำนวนมูลค่าโครงการทั้งหมด เป็นมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาทนอกจากนี้ยังพบว่าลูกค้าของโครงการนี้ มากกว่า 70% โอนกรรมสิทธิ์ด้วยเงินสดสะท้อนภาพรวมว่าลูกค้ากลุ่มนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและยังส่งสัญญาณบวกตามความต้องการของ กลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าการโอนกรรมสิทธิ์อีก 45% มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดได้สำเร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2566 ส่งสัญญาณให้ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน”

นอกจากโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน ที่จะปิดโครงการภายในปีนี้ พราว ยังเปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพมหานคร ล่าสุดกับโครงการรมย์ คอนแวนต์มูลค่ารวมโครงการ 4,150 ล้านบาท ที่เพิ่งเปิดตัวไป และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากกลุ่มเรียลดีมานด์ด้วยเช่นกัน และต่อด้วยโครงการ วี อารีย์ (VI ARI) โครงการแนวราบใจกลางอารีย์ ซอย 3 ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย ได้แก่  โครงการเวหา หัวหิน (VEHHA HUA HIN) มูลค่ารวม 2,290 ล้านบาท ถือเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของหัวหินที่ยังมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 2/2566 คาดแล้วเสร็จภายใน 2568  ส่งผลให้ตอนนี้ มีโครงการในมือมูลค่ารวม 10,748 ล้านบาท

“การสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งรายได้และกำไร ของพราว เรียล เอสเตท เกิดขึ้นจากการที่บริษัท ปรับโครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างบริษัท ส่งผลให้การบริหารจัดการดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดโครงการใหม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น การฟื้นฟูการท่องเที่ยวผลักดันให้กำลังซื้อของคนไทยรวมถึงชาวต่างชาติ เพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหารริมทรัพย์ดีขึ้นด้วย  จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว รวมถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตทั้งรายได้และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น บริษัทจึงเตรียมขยายโครงการใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง วางแผนซื้อที่ดินแปลงใหม่เพิ่ม โดยยังคงโฟกัส พื้นที่ CBD ทำเลหายากระดับแรร์ไอเทม  เรามั่นใจปี 2566 ผลงานท็อปฟอร์มต่อวางเป้ารายได้ปีนี้โตต่อเนื่องแน่นอน”  นายภูมิพัฒน์ กล่าว