คงต้องรอลุ้นกันว่า การประชุมผู้ถือหุ้นJTS ในวันที่ 22 ก.พ.ที่จะชี้ชะตา แผนการลงทุน โครงการจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์มูลค่ากว่า 3.3 พันล้านบาท จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ แต่ที่แน่ๆ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรลงมติ "ไม่อนุมัติ" โครงการดังกล่าว
ยังลูกผีลูกคน สำหรับเมกะโปรเจกต์ 3.3 พันล้านบาท โครงการซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ ของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ JTS เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น ซึ่งจะนัดชี้ชะตาในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ว่าจะ"อนุมัติ" หรือ "ไม่อนุมัติ" โครงการนี้
แต่ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ ไอ วี โกบอล จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรลงมติ "ไม่อนุมัติ" โครงการดังกล่าว
เหตุผลเพราะ ธุรกิจขุดบิทคอยน์มีความเสี่ยง โดยเฉพาะผลกระทบจากความผันผวนของตัวแปรต่างๆ ที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ เช่น
- ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาบิทคอยน์ จากเหรียญบิทคอยน์ที่ขุดได้
- ความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพของเครื่องขุดบิทคอยน์ ซึ่งอาจใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพในระยะสั้นๆ ประมาณ 3-6 ปี
- ความเสี่ยงสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งข้อมูล ณ 30 กันยายน 2564 มีสินทรัพย์หมุนเวียน 734.33 ล้านบาท หนี้สินหมุนเวียน 649.18 ล้านบาท หรือมีอัตราส่วนสินทรัพยหมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียน เท่ากับ 1.13 เท่า และมีหนี้สินต่อทุน 0.15 เท่า แต่หลังออกหุ้นกู้ มูลค่า 4,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินก้อนดังกล่าวมาลงทุน จะมีหนี้สินต่อทุนเพิ่มเป็น 6.65 เท่า
วันนี้ Clubhoon จะผ่าเมกะโปรเจ็กต์ โครงการขุดเหมืองขุดบิทคอยน์ มูลค่า 3.3 พันล้านบาทที่ว่านี้
โครงการลงทุนธุรกิจขุดบิทคอยน์ของ JTS จะดำเนินโครงการผ่านบริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จํากัด หรือ JASTEL ซึ่งเป็นบริษัทย่อย
JTS วาดฝันไว้ว่า โครงการลงทุนขุดเหมืองบิทคอยน์กว่า 3.3 พันล้านบาท จะทำให้ JTS และ JASTEL ก้าวเป็นเป็นผู้ประกอบธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์รายใหญ่ของประเทศไทย และอันดับต้นๆ ของภูมิภาค
โดยรายละเอียดของการลงทุน ประกอบด้วย 2 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่
1. จัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ 6,300 เครื่อง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 2,937.84 ล้านบาท
2.ระบบไฟฟ้าและระบบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 362.16 ล้านบาท
แผนการลงทุนธุรกิจขุดบิทคอยน์ครั้งนี้ จะให้ JASTEL จะใช้สถานที่ที่จังหวัดราชบุรี เป็นฐานในการทำธุรกิจ โดยทำสัญญาเช่าที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ 375 ไร่ 3 งาน 83 ตารางวา ที่ตำบลเขาขลุง อำเถอบ้านโป่ง จากบริษัทแม่ JTS ระยะเวลา 3 ปี อัตราค่าเช่าเดือนละ 1,632,815 บาท เพื่อประกอบธุรกิจบิทคอยน์ ทั้งระบบแวร์เฮ้าส์ รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์ ระบบไฟฟ้า และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยแผนธุรกิจปี 56
- ล็อต 1 จะซื้อเครื่องขุด 1,800 เครื่อง มูลค่าเงินลงทุน 741.60 ล้านบาท โดย JASTEL จะซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ จาก บริษัท พรีเมียม แอสเซท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล
- ล็อต 2 ซื้อเครื่องขุด 4,500 เครื่อง พร้อมระบบไฟฟ้าและระบบที่เกี่ยวข้องผู้ผลิตโดยตรง มูลค่าเงินลงทุน 2,558.40 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการจัดซื้อในช่วงเดือนมีนาคม 2565
สำหรับเครื่องขุดบิทคอยน์ ที่จะสั่งซื้อ กำหนดสเป็ครุ่น HASH Super Computing Server, S19XP หรือเทียบเท่า มีกำลังประมวลผล ประมาณ 140 เทระแฮชต่อวินาท(TH/s)
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้า บริษัทได้เริ่มลงทุนเหมืองบิทคอยน์ มีการจัดซื้อและส่งมอบกันแล้ว ตั้งแต่ช่วง สิงหาคม 2564-มกราคม 2565 รวม 1,715 เครื่อง
โดยกลุ่ม JTS จะพิจารณาทำรายการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านทางบริษัท ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ซึ่งได้มีการเปิดบัญชีไว้เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ มีข้อสรุปว่าผู้ถือหุ้นควรลงมติ "ไม่อนุมัติ" การจัดซื้อโครงการดังกล่าว
แต่ในมุมของคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท เห็นแย้ง และเห็นควรให้นำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณา "อนุมัติ" เพราะได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนี้มาเป็นอย่างดีมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าราคาบิทคอยน์มีโอกาสเติบโตในอนาคต และยังมองว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น และอาจช่วยให้กลุ่มบริษัทฯ ได้รับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต
ในเมื่อมีความเห็นจาก 2 ฝั่ง ทั้งฝั่งที่เห็นควร "อนุมัติ" และ"ไม่อนุมัติ"
ก็คงต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ถือหุ้น ว่าจะมีความเชื่อมั่นในทิศทางใด ด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจํานวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง โดยไม่นับส่วนผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ซึ่งรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ไม่มีสิทธิลงคะแนนในการอนุมัติการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน ประกอบด้วย จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งถือหุ้นอยู่ 32.8% บริษัท เอเซียส รีเยนแนล เซอร์วิส จำกัด ซึ่งถือหุ้นอยู่ 9.06% บริษัท ที.เจ.พี.เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด ซึ่งถือหุ้นอยู่ 9.05% นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิกุล ซึ่งถือหุ้นอยู่ 0.34% และนายสมบุญ พัชรโสภาคย์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ 0.000006%
คงต้องรอลุ้นกันว่า การประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 ก.พ.ที่จะชี้ชะตา แผนการลงทุนครั้งนี้ว่า..
จะไปต่อ หรือพอแค่นี้
แต่หากแผนล่ม เชื่อว่าราคาหุ้น JTS ที่วิ่งยิ่งกว่าคริปโท จากราคา 1.93 บาท ตอนสิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ 217 บาท หรือ 11,143%
ก็คงดูไม่จืด เช่นกัน...!