บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค ซุ่มเงียบ ประกาศเดินหน้า จ่อเริ่มทยอยส่งมอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสกัดของกัญชง CBD - Hemp Seed Oil ให้กลุ่มลูกค้าเกือบ 40 ราย เมษายนนี้เป็นต้นไป มั่นใจปีนี้ปั้นรายได้ทั้งปีโต 20 % ตามเป้า ขณะที่สยาม เฮอเบิล เทค บริษัทย่อยเริ่มเดินหน้าสกัดสาร CBD ภายอย่างถูกกฎหมายเป็นรายแรกของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์แล้ว
นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯเร่งเดินหน้าเพื่อวางกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมสารสกัดจากกัญชง ในส่วนของ CBD (Cannabidiol) ส่วนผสมน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) และจากโปรตีนเมล็ดกัญชงที่มีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) ต่ำกว่า 0.2% ทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความสวยงามและสุขภาพ
โดยเตรียมทยอยส่งมอบให้กับกลุ่มลูกค้าเกือบ 40 ราย ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ประกอบด้วยกลุ่มผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของCBD มากกว่า 30 SKU กลุ่มผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) กว่า 20 SKU และกลุ่มผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของใบกัญชง อีกประมาณ 20 SKU
ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชงต่อคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอเอกสารอนุญาตขอรับเลขสารบบ “13 หลัก” (เลข อย.)ให้กับกลุ่มลูกค้า หากขั้นตอนดังกล่าวแล้วเสร็จ DOD จะสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มลูกค้าได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่ง DOD จะเป็นผู้ประกอบการรายแรกในตลาด ที่ส่งมอบผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของ CBD และ ขึ้นเลข อย. ให้ลูกค้าวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ คาดว่าจะส่งผลให้ DOD มีอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2565 ประมาณ 20% จากปีก่อน
ขณะที่ บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด หรือ SHT บริษัทย่อยของ DOD ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงสกัดสารสกัดจากกัญชง พืชกระท่อม และพืชสมุนไพรไทย ล่าสุด ได้เริ่มดำเนินการสกัดสาร CBD ภายในโรงสกัดที่ได้มาตรฐานสากลเชิงพาณิชย์อย่างถูกกฎหมายเป็นรายแรกของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เพื่อจำหน่ายสารสกัด CBD ให้กับ DOD และกลุ่มผู้ประกอบทั่วไป เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ช่วงที่ผ่านมากลุ่ม Contract Farming กลุ่มเกษตรกรพันธมิตร และเกษตรกรรายใหม่ๆ เสนอขายวัตถุดิบช่อดอก ให้กับทาง SHT เข้ามาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 1,000 กิโลกรัม ส่งผลให้บริษัทฯมีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับความต้องการของ DOD ที่จะนำ CBD และ THC ไปผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้กับลูกค้า รวมทั้ง SHT สามารถขายวัตถุดิบให้กับกลุ่มผู้ประกอบทั่วไป เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย”
ล่าสุดบริษัทฯ เตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตรจากต่างประเทศอีก 2 ราย ซึ่งเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชาในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในไลน์ผลิตโดยจะเป็นการนำทั้งเครื่องผลิตด้านการสกัด สูตรการผลิต และองค์ความรู้ ของพันธมิตรดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับไลน์การผลิตและการสกัดของทั้ง DOD และ SHT เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาและต่อยอดในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสกัดจากกัญชง ได้อย่างครบวงจรแบบ One Stop Service Solution ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ New S-Cure อย่างเต็มรูปแบบในปี 2565
