แนวโน้มตลาดวันนี้ (15 ส.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองตลาดจะเแกว่งตัวไซด์เวย์/พักตัว สก็อต เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐฯ หนุนให้ BOJ ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้น เกิด Unwinding Yen Carry Tradeในขณะที่ PPI สหรัฐฯ สูงกว่าคาดมาก อาจทำให้เฟดระมัดระวังมากขึ้นในการลดดอกเบี้ย ด้านเทคนิคการปรับตัวขึ้นวานนี้ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1282 ได้ วันนี้มีแนวต้านที่ 1273/1282 แนวรับที่ 1260/1250 การพักสั้นไม่ควรหลุดต่ำกว่า
ประเด็นสำคัญ
• เงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ก.ค. 2568 สหรัฐฯ ขยายตัว 3.3%YoY และ 0.9%MoM เป็นการขยายตัว MoM สูงที่สุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2565 สะท้อนต้นทุนสูงขึ้นจากภาษีนำเข้า และคาดว่าจะเห็นการส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H68 ซึ่งอาจกระทบการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟด
• World Economic Forum เผยผลสำรวจของสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน พบว่าปัญหาความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนและภาษีศุลกากรเป็นความท้าทายเร่งด่วนต่อบริษัทสหรัฐฯ โดย 70% เผยว่าได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีศุลกากร ทำให้การลงทุนในจีนลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และพิจารณาย้าย Supply Chain ไปยังอาเซียน, อินเดีย และเม็กซิโก
• ผู้ประกอบการจีนเร่งย้ายฐานการผลิตสู่อินโดนีเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ Gao Xiaoyu ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษานิคมอุตสาหกรรมในจาการ์ตา ระบุว่ามีการติดต่อเข้ามาต่อเนื่อง เหตุผลเพราะอินโดนีเซียมีตลาดเปิดกว้าง ต้นทุนแข่งขันได้ และมาร์จิ้นสูง ดึงดูดการลงทุนจากจีน
• ธนาคารรัฐ เช่น ออมสิน, ธอส., ธ.ก.ส., ธพว., บสย. และธนาคารพาณิชย์ เช่น KTB, SCB, KBANK, BBL, TTB, BAY ทยอยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (MRR MLR และ MOR) ตามมติ กนง. ที่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps ลงสู่ 1.50% โดยให้มีผลทันที
• Bloomberg รายงานว่ารัฐบาลกลางจีนกำลังหารือเพื่อเตรียมระดมบริษัทของรัฐให้ “เข้าซื้อที่อยู่อาศัยที่ขายไม่ออก” จากผู้พัฒนาโครงการที่ประสบปัญหาทางการเงิน ภายใต้วงเงิน 3 แสนล้านหยวน เพื่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯ จากมาตรการกระตุ้นรัฐบาลท้องถิ่นที่ช่วยได้จำกัด
• คลังเตรียมใช้ระบบ “Negative Income Tax” ในปี 2570 อาศัยฐานข้อมูลจากทุกหน่วยงาน (Data Lake) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ลดช่องโหว่การหลบเลี่ยงภาษีหรือเสียในอัตราที่ต่ำกว่าฐานะ และจัดสวัสดิการให้ประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสชะลอตัว โดยประเมินแนวต้านที่ 1280/1300 หลังดัชนีปรับขึ้นมายืนเหนือ 1250 จุด (PER 14 เท่า) ซึ่งสะท้อนการปลดล็อก Overhang จากปัญหาภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แล้ว อย่างไรก็ดี ด้วยอัตราภาษีที่ไทยได้รับที่ระดับ 19% ใกล้เคียงคู่แข่งในอาเซียน ทำให้มองว่าไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันที่ดีในตลาดสหรัฐฯ ส่งผลให้ความเสี่ยงที่กดดันตลาดก่อนหน้านี้คลี่คลายลง ประกอบกับ ปีนี้ SET ปรับลง 10%YTD แย่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก จนทำให้ปัจจุบัน Valuation ของ SET < -1SD ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว จึงมอง Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ระยะกลาง SET มีโอกาสกลับขึ้นไปซื้อขายกรอบบน PER ที่ระดับ 14-16 เท่า หรือ 1242-1419 จุด ดังนั้นมองการปรับหรือพักฐานระยะสั้นของ SET เป็นจังหวะซื้อ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily Top Picks
CRC: มีปัจจัยบวกระยะสั้นจากผลประกอบการ 2Q68 ซึ่งคาดว่าเป็นจุดต่ำสุดของปี โดย 3Q68 กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ ตามฤดูกาล แม้ยังลดลง YoY แต่ปรับตัวดีขึ้นจาก SSS ที่หดตัวน้อยลง นอกจากนี้ CRC ยังได้รับอานิสงส์จากการลดดอกเบี้ย ทุกการปรับลด 25bps จะช่วยเพิ่มกำไรปีละ 1.8% เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น Outperform
TRUE: มุมมองหุ้น Downside จำกัด มีโอกาสรีบาวด์ การประมูลคลื่นจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ราว 4.2 พันลบ. ต่อปี และเริ่มรับรู้ผลตั้งแต่ ส.ค. นี้ ซึ่งทำให้เราได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2569 ขึ้น 24.9% เป็น 2.1 หมื่นลบ. ในขณะที่ Valuation ในเชิง EV/EBITDA ยังซื้อขายถูกกว่า ADVANC