SABUY เข้าซื้อหุ้น AIT ผู้นำธุรกิจไอทีรายใหญ่ของไทย จำนวน 30 ล้านหุ้น พร้อมวอรแรนต์อีก 140 ล้านหน่วย และทุ่มอีก 1,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น 30% ในบักซี่บีส์ ยักษ์ใหญ่ CRM และซื้อหุ้นนครหลวงเครดิต 25% โชว์งบปี 64 กำไรโต 109% เพิ่มทุนออกวอร์แรนท์ ให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 2 วอรแรนท์
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้บริษัท เข้าลงทุนใน บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) หรือ AIT โดยการหุ้นสามัญจำนวน 30 ล้านหุ้น และใบสำคัญที่แสดงสิทธิการซื้อหุ้นสามัญ (วอแรนท์) 140 ล้านหน่วย
โดยล่าสุด AIT ซึ่งเป็น 1 ในผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้รายงานผลประกอบการ มีรายได้ 7,035 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 509 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 27% ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท
นอกจากนี้ ยังเข้าลงทุนในบริษัท นครหลวง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) โดยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนออกใหม่ จำนวน 311.69 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของทุนที่ออกและเรียกชำระหลังการเสนอขายให้แก่บริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท รวมมูลค่า 779.24 ล้านบาท
โดยจะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด 584.43 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งจะชำระเป็นหุ้น โดยบริษัทฯ จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน ให้จำนวน 6.89 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 28.25 บาท รวมเป็นเงิน 194.81 ล้านบาท
รวมทั้งเข้าลงทุนในบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (BZB) โดยซื้อหุ้น BZB จากผู้ถือหุ้นเดิมของ BZB จำนวนไม่เกิน 574,500 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 30 คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 970.8 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัท ยังมีมติเพิ่มเติม
1.ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ครั้งที่ 2 (SABUY-W2) จำนวนไม่เกิน 508.55 ล้านหน่วย ขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 2 Warrant ที่ราคาใช้สิทธิ 5 บาท
2.ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ให้แก่กรรมการผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ครั้งที่ 3 (SABUY-WC) จำนวนไม่เกิน 40 ล้านหน่วย
3.เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 712.64 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,365.41 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 2,078.05 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 712.64 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 นายชูเกียรติ กล่าวว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 213.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.5 ล้านบาท คิดเป็น 109.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 102.1ล้านบาท และมีรายได้รวม 2,126.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,460.8 ล้านบาท โดยผลกำไรส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล วันที่ 5 พ.ค และจ่ายปันผลวันที่ 19 พ.ค.65
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายและกลยุทธ์ในส่วนของ “SABUYVERSE First Move” โดยโครงสร้างธุรกิจหลักจะมีการปรับเปลี่ยนจาก 4 กลุ่ม เป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงิน 2) ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ 3) ธุรกิจระบบโซลูชั่นส์และแพลตฟอร์ม 4) ธุรกิจการให้บริการทางการเงิน และ 5)ธุรกิจเศรษฐกิจใหม่ (New Economy)
โดยในส่วนของธุรกิจเศรษฐกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะเป็น บริษัท สบาย ดิจิตอล จำกัด (SABUY Digital) เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ซึ่งรวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัล (คริปโท เคอร์เรนซี) และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทางภาครัฐ และบริษัท สบาย แอคเซอเรอเรเตอร์ จำกัด (SABUY Accelerator) การลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม เพื่อขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพสินค้าและบริการใน Ecosystem ของ SABUY
นายชูเกียรติ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายและกลยุทธ์ในส่วนของ “SABUYVERSE First Move” โดยโครงสร้างธุรกิจหลักจะมีการปรับเปลี่ยนจาก 4 กลุ่ม เป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงิน 2) ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ 3) ธุรกิจระบบโซลูชั่นส์และแพลตฟอร์ม 4) ธุรกิจการให้บริการทางการเงิน และ 5)ธุรกิจเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) โดยในส่วนของธุรกิจเศรษฐกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะเป็น บริษัท สบาย ดิจิตอล จำกัด (SABUY Digital) เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ซึ่งรวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัล (คริปโท เคอร์เรนซี) และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยอยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทางภาครัฐ และบริษัท สบาย แอคเซอเรอเรเตอร์ จำกัด (SABUY Accelerator) การลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม เพื่อขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพสินค้าและบริการใน Ecosystem ของ SABUY
บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพ และการเข้ามาเป็นบริษัทในเครือ โดยเจาะกลุ่มธุกิจสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อรถยนต์แบบครบวงจร ธุรกิจการตลาดแบบหลายชั้น (MLM) และธุรกิจสมาร์ทล็อคเกอร์ให้บริการเช่าล็อกเกอร์ทั่วประเทศ
การเข้าร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับกลุ่มบริษัทโอมันนี่ (“OMoney”) ด้วยมูลค่าไม่เกิน 50,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าถือหุ้น 100% ใน 3 บริษัท ในกลุ่มบริษัทโอมันนี่ ประกอบไปด้วย บริษัท โอมันนี่ กรุงเทพ จำกัด (“OMB”) บริษัท โอมันนี่ ปทุมธานี จำกัด (“OMP”) และ บริษัท โอมันนี่ สมุทรสาคร จำกัด (“OMS”) ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (Pico Finance) และเป็นผู้พัฒนาระบบ Application และระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการปล่อยสินเชื่อรายย่อย ด้วยใบอนุญาต Pico Finance ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด พร้อมทั้งมีระบบ Digital Lending ที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบ HR Payroll สามารถเริ่มดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อ Pico Finance ได้ทันที อีกทั้งระบบ Digital Lending ดังกล่าวสามารถนำมาปรับใชกับธุรกิจสินเชื่ออื่นๆ ของบริษัทฯ ได้ นอกจากนี้กลุ่มโอมันนี่ มี MOU กับผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีฐานลูกค้ากว่า 4 แสนราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใน SABUY Ecosystem ทั้งยังต่อยอดกับธุรกิจและบริการทางการเงินอื่นๆ รวมไปถึงการเปิดช่องทางเข้าถึงลูกค้าที่เป็นลูกจ้างโรงงาน และแรงงานต่างด้าว
2. เข้าลงทุนเข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัท คาร์ฟินน์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (“CarFinn”) มูลค่าไม่เกิน 30,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของ CarFinn และเป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ CarFinn ในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าของ CarFinn สำหรับ CarFinn ประกอบธุรกิจในการให้บริการจัดหาสินเชื่อรถยนต์ทุกประเภทแบบครบวงจรให้กับลูกค้า รวมถึงการปล่อยกู้เงินให้กับลูกค้าสำหรับปิดบัญชีเดิม (Refinance) และการปล่อยกู้เงินด่วนระยะสั้นให้กับลูกค้าที่ต้องการเงิน โดยใช้ Digital Platform และ Online Marketing เป็นหลัก เช่น Facebook Google และ YouTube เป็นต้น ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ลดต้นทุนและสามารถบันทึกพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนการตลาดและกลยุทธ์อื่นๆ ได้อีกด้วย ในความร่วมมือกันครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่า จะช่วยเสริมศักยภาพระบบ Ecosystem ของบริษัทฯให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ล่าสุดการเข้าลงทุนใน 2 ธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจการตลาดแบบหลายชั้น (MLM) ผลิตภัณฑ์กัญชงกัญชา เพื่อสุขภาพ กับบริษัทอินดีม กรุ๊ป จำกัด เนื่องจากธุรกิจกัญชงกัญชา มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ และมีโอกาสเติบโตสูง นอกจากนี้ SABUY จะเข้าลงทุนในธุรกิจ สมาร์ทล็อคเกอร์-ให้บริการเช่าล็อกเกอร์ทั่วประเทศ กับ บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งธุรกิจนี้ เป็น 1 ในธุรกิจที่มาแรง และ คาดว่าจะเติบโตอย่างสูงทั่วประเทศ โดย SABUY จะสามารถต่อยอดทั้ง 2 ธุรกิจ กับธุรกิจร้าน Drop-off ของ SABUY ซึ่งมีสาขารวมกันกว่า 10,000 สาขา และวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง SABUY มั่นใจว่าธุรกิจใหม่ทั้ง 2 ธุรกิจจะเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างการเติบโตให้ธุรกิจของกลุ่ม SABUY และ สนับสนุนการขยายตัวของ SABUYVERSE Ecosystem อย่างมั่นคง
1. เข้าลงทุนในบริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด (“INDEEM”) ในสัดส่วนร้อยละ 30 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 49,500,000 บาท และเข้าร่วมลงทุนกับบริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 60 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 3,000,000 บาท ทั้งนี้บริษัทฯ เข้าลงทุนใน INDEEM ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อาทิ อาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนผสมสารสกัดจาก กัญชง กัญชา และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในลักษณะแบบเครือข่าย Multi-level Marketing (MLM) หรือ Network Marketing ซึ่งการร่วมลงทุนกันครั้งนี้ ทางบริษัทฯ เล็งเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากธุรกิจของ INDEEM ประกอบไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่หลากหลาย ทั้งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การสร้างความผูกพันลูกค้าผ่าน Loyalty Program รวมถึงการใช้ Digital Platform ด้านคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชน (Cryptocurrency and Blockchain) ซึ่งมีความสอดคล้องกับแผนในการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ และสามารถสร้างเสริมศักยภาพของสินค้าและบริการ ภายใต้ Ecosystem ของบริษัทฯ ให้มีความเข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
2. อนุมัติให้บริษัทฯ และ/หรือ บริษัท สบาย แอคเซลเลอเรเตอร์ จำกัด (“SABUYAC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด (“Lockbox”) รวมมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 48,750,000 บาท ในสัดส่วนร้อยละ 20 ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวกับ Smart locker box หลากหลายรูปแบบ บริษัทฯ จึงมีความประสงค์ที่จะเข้าลงทุนใน Lockbox เพื่อขยายช่องทางการให้บริการของบริษัทฯ และเพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทฯ เข้าถึงสินค้า และบริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภคยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถใช้จุดแข็งดังกล่าวขยายช่องทางการให้บริการของบริษัทฯ โดยเฉพาะ First mile / Last mile ในการจัดส่งพัสดุ และ E-Commerce ได้
3. อนุมัติให้บริษัทฯ และ/หรือ SABUYAC เข้าลงทุนใน บริษัท ดิ อะชีฟเวอร์ 59 จำกัด (“Achiever59”) โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ Achiever59 รวมมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 1,250,000 บาท ในสัดส่วนร้อยละ 20 การลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจาก Achiever59 เป็นผู้ให้บริการ Smart Locker Box พร้อมทั้ง Application ที่รองรับการใช้งานที่สะดวกสบาย บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถใช้จุดแข็งดังกล่าวขยายช่องทางการให้บริการของบริษัทฯ โดยเฉพาะ First mile / Last mile ในการจัดส่งพัสดุ และ E-Commerce ได้ อีกทั้ง Achiever59 เป็นผู้นำในนวัตกรรม Smart Locker ในประเทศ จึงเป็นการสร้างโอกาสให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะพื้นในเขตเศรษฐกิจตามแนวรถไฟฟ้า
4. อนุมัติให้บริษัทฯ และ/หรือ บริษัท สบาย แอคเซลเลอเรเตอร์ จำกัด SABUYAC เข้าร่วมทุนกับบริษัท ดิอะชีฟเวอร์ 59 จำกัด Achiever59 ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ (ซึ่งจะกำหนดชื่อภายหลัง) เพื่อลงทุนร่วมกันในธุรกิจการให้บริการ Smart locker box โดยบริษัทฯ หรือ SABUYAC จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน ร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทร่วมทุน รวมมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 35,000,000 บาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถใช้จุดแข็งดังกล่าวขยายช่องทางการให้บริการของบริษัทฯ โดยเฉพาะ First mile / Last mile ในการจัดส่งพัสดุ และ E-Commerce รวมถึงสร้างโอกาสให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภค การเป็น SMART OFFICE SMART FACTORY SMART HOME ในความร่วมมือกันครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่า จะช่วยเสริมศักยภาพและต่อยอดระบบ Ecosystem ของบริษัทฯให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้นแล้ว SABUY ยังได้วางแผนในการลงทุนเรื่องบุคลากรด้วยการเปิด SABUY Campus เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรของ SABUY และพันธมิตร รวมไปถึงยังสามารถใช้ในการเป็นสถาบันเพื่อช่วยพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น SABUY ยังมีแผนที่จะพัฒนาทีมงานรุ่นใหม่ๆ ด้วยการแสวงหา และเปิดโอกาสให้กับนักศึกษาจบใหม่จากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ SABUYVERSE ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแผนยุทธศาสตร์ของปี 2565 และตั้งเป้าการเติบโตของทั้งองค์กรอย่างก้าวกระโดดภายในปีนี้” นายชูเกียรติ กล่าว