CIG ทุ่มเงิน 660 ล้าน ซื้อกิจการ 100% ใน "เจ หลิง โซลูชั่น" ลุยธุรกิจบริหารการก่อสร้าง-สนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการก่อสร้าง เปิดโปรเจ็กต์นำร่อง โครงการเลทเตอร์ปาร์ค ที่ปรับเปลี่ยนจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ เป็นธุรกิจโรงพยาบาล มูลค่าโครงการประมาณ เกือบ 5 พันล้านบาท มั่นใจได้ปลดเครื่องหมาย C หลังเพิ่มทุน และพลิกกลับมาเทิร์นอะราวด์
นายอารีย์ พุ่มเสนาะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ CIG เปิดเผยว่า บริษัท ได้เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท เจ หลิง โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ หลิง โฮลดิ้ง จำกัด มูลค่ารวม 660 ล้านบาท ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าการจัดซื้อจัดจ้างด้านวิศวกรรมการจัดการการก่อสร้างพร้อมการสนับสนุนทางการเงิน (Engineering Procurement Construction Management with Financial Support :EPCM+F) ระหว่างบริษัทก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานกับกลุ่มทุนสัญชาติสิงคโปร์ เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารการก่อสร้างและสนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการก่อสร้าง เช่น โครงการก่อสร้างโรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรมพร้อมสาธารณูปโภคทั้งน้ำและไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์แบบ Cold Chain เป็นต้น
ซึ่งเชื่อว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้ จะสร้างโอกาสด้านรายได้และผลักดันให้การดำเนินของบริษัทเป็นไปได้ด้วยดี นำมาซึ่งผลประโยชน์ตอบแทนที่เติบโตให้กับทุกฝ่าย โดยเตรียมเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ซึ่งจะกำหนดวันประชุมในภายหลัง โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ CIG สามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศที่มีมูลค่ามากขึ้น
เบื้องต้นมี โครงการนำร่อง คือ โครงการเลทเตอร์ปาร์ค ที่ปรับเปลี่ยนจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ เป็นธุรกิจโรงพยาบาล มูลค่าโครงการประมาณ เกือบ 5 พันล้านบาท คาดว่าภายในไตรมาส 3 ปีนี้จะสามารถเริ่มดำเนินกิจการได้บางส่วน และจะแล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งผลตอบแทนที่บริษัทจะได้รับคือ ค่าธรรมเนียมการจัดการการก่อสร้างพร้อมการสนับสนุนทางการเงิน คาดว่าจะอยู่ในระดับ 15-30%ของมูลค่าโครงการ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ในฐานะผู้ซื้อตกลงจะทำสัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) ให้กับกลุ่มผู้ขาย พร้อมตกลงให้ค่าตอบแทนตามผลการดำเนินงานร้อยละ 30 ของกำไรก่อนหักภาษี (Operational Profit before Corporate Tax)ของกิจการเป้าหมายฯ เป็นรายไตรมาส
สำหรับแหล่งเงินทุนสาหรับการเข้าลงทุนในบริษัท เจ หลิง โซลูชั่น จำกัด จะมาจากกระแสเงินสดจาก การออกและเสนอขายหุ้นสามัญ และการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering)โดยบริษัท เพิ่มทุน 2,594.36 ล้านหุ้น จัดสรรหุ้นหุ้นเพิ่มทุน 1,729.57 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ซึ่ง XR ไปแล้วเมื่อ 8 ธันวาคม กำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้น 26 ธ.ค. 2565 ถึงวันที่ 22 ก.พ. 2566
และอีก 864.78 ล้านหุ้น รองรับหุ้นกู้แปลงสภาพที่บริษัทเตรียมจะออกและเสนอขายในช่วงเดือนมีนาคม จำนวน 864,788 หน่วย อายุ 5 ปี เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม ราคา 1,000 บาทต่อหน่วย กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ (Record date) 14 ก.พ. 2566 อัตราส่วน 1,000 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นกู้แปลงสภาพ และกำหนดอัตราการแปลงสภาพ หุ้นกู้ 1 หน่วย/1,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท
จากแผนการเพิ่มทุน จะทำให้บริษัทสามารถแก้ไขปัญหา ส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน และพ้นเหตุของการขึ้นเครื่องหมาย C ได้ รวมทั้งการออกหุ้นกู้ เพื่อซื้อกิจการในบริษัท เจ หลิง โซลูชั่น จำกัด เพื่อรุกธุรกิจ กิจการร่วมค้าการจัดซื้อจัดจ้างด้านวิศวกรรมการจัดการการก่อสร้างพร้อมการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งจะมีศักยภาพในการสร้างรายได้ที่ดี จะสามารถช่วยให้บริษัทพลิกจากที่ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี กลับมามีกำไรได้ในปี 2566
ทั้งนี้ เจ หลิง โซลูชั่น เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ หลิง โฮลดิ้ง จำกัด มีนายสถาปัตย์ ภู่ทองคำ เจ้าของ บริษัท จรณ์ เพาเวอร์ ไอเดีย จำกัด ถือหุ้น 50% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และนางสาวดนิตา กุนทีกาญจน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนของกลุ่มทุนหนึ่ง ซึ่งรวมนักลงทุนในภูมิภาคอาเซียนไว้ด้วยกันหลายประเทศ ซึ่งเรียกชื่อรวมๆ ว่า “กลุ่มทุน SHENTON ONE” ถือหุ้นอีก 50% ซึ่งในอนาคตคาดว่ากลุ่มทุน SHENTON ONE จะเข้าถือหุ้นใน บริษัท เจ หลิง โฮลดิ้ง จำกัด โดยที่ JONN Power Idea เป็นผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้างและจัดการธุรกรรมการจัดซื้อจัดจ้างด้านวิศวกรรมการจัดการการก่อสร้างพร้อมการสนับสนุนทางการเงิน (Engineering Procurement Construction Management with Financing : EPCM+F) ) ในระดับภูมิภาค โดยมีผู้ร่วมสนับสนุนโครงการต่างๆ อาทิ Tokyo Sangyo Thailand ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Mitsubishi
ส่วนกลุ่มทุน SHENTON ONE นำโดย Mr. Michael Lim เป็นกลุ่มทุนหนึ่งซึ่งรวมนักลงทุนในภูมิภาคอาเซียนไว้ด้วยกันหลายประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดให้มีกองทุน Variable Capital Companies (VCC) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลสิงคโปร์