ฐิติกร (TK) ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของไทย อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 100 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 การตัดสินใจดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับผู้ถือหุ้น แม้ในสภาวะตลาดที่ยังคงมีความท้าทาย
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) เปิดเผยภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 มีรายได้รวม 1,295.7 ล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อรวม 1,994.5 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากบริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ คิดเป็น 53.8% ตามด้วยบริการเช่ารถจักรยานยนต์ TK ME 7.2%, สินเชื่อรถยนต์ 1.1% และรายได้อื่นๆ อาทิ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ 37.9%
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการหดตัวของตลาด และการบังคับใช้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 23% ต่อปี ส่งผลให้รายได้ของบริษัทปรับตัวลดลง และมีผลขาดทุนสุทธิ 15.9 ล้านบาท แต่ด้วยฐานกำไรสะสมที่แข็งแกร่ง บริษัทจึงยังคงสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้
สถานะการเงินแข็งแกร่ง เน้นขยายตลาดต่างประเทศ
จุดที่น่าสนใจคือ สถานะทางการเงินของ TK ณ สิ้นปี 2567 มีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยมีเงินสดและเงินฝากรวมมูลค่าถึง 3,191 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มูลค่าดังกล่าวสูงกว่าพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท (1,994.5 ล้านบาท) สะท้อนถึงการบริหารจัดการกระแสเงินสดที่มีประสิทธิภาพและความระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ
ในส่วนของพอร์ตสินเชื่อนั้น พบว่าสัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศ (สปป.ลาว และกัมพูชา) มีมูลค่ารวม 945 ล้านบาท คิดเป็น 55.3% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนสินเชื่อในประเทศที่มีมูลค่า 765 ล้านบาท (44.7%) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ TK ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตในต่างประเทศ
นางสาวปฐมา กล่าวเสริมว่า บริษัทมีนโยบายบริหารเงินสดและเงินฝากโดยคำนึงถึงผลตอบแทนและความปลอดภัยของเงินต้นเป็นสำคัญ และพร้อมที่จะนำเงินสดที่มีอยู่ไปใช้ในการขยายตลาดเช่าซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มพอร์ตในประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดโอกาสในการพิจารณาเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพในธุรกิจที่ TK มีความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ยังทรงตัว
ด้านนายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK ให้มุมมองเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 มียอดขายรวม 461,632 คัน เติบโตขึ้นเล็กน้อย 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดต่างจังหวัดยังคงมีสัดส่วนยอดขายที่สูงกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล
สำหรับแนวโน้มตลาดรถจักรยานยนต์โดยรวมในปี 2568 คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านคัน ใกล้เคียงกับยอดขายในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดเช่าซื้อโดยรวมในปีนี้ยังคงมีความท้าทายจากมาตรการควบคุมต่างๆ ของภาครัฐ และสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
TK ปรับกลยุทธ์ เน้นคุณภาพสินเชื่อและขยายธุรกิจใหม่
ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว TK ได้วางนโยบายการดำเนินธุรกิจที่สำคัญในปี 2568 ได้แก่ การให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศโดยเน้นคุณภาพของลูกหนี้เป็นหลัก การขยายตลาดเช่าซื้อในต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดที่มีการเติบโตสูง การสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญเดิม เช่น ธุรกิจเช่ารถจักรยานยนต์ TK ME, สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ รวมถึงการมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ