ดัชนีหุ้นปิดวันนี้หลุดหลายแนวรับ ปิดตลาดรูดหนักกว่า 2.3% ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนเทขายเพียบ ท่ามกลางความหวาดกลัว “โควิดพันธุ์แอฟริกาใต้” ระบาด คาดสัปดาห์หน้าตลาดซึม

ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายในวันนี้ (26 พ.ย.2564) ปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งวัน เป็นการปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังกระแสข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19  สายพันธุ์ใหม่แอฟริกาใต้ เข้ามาถึงฮ่องกงแล้ว กดดันบรรยากาศการลงทุน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปิดที่ 1,610.61 จุด  ลดลง 37.85 จุด หรือ 2.30% โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 1,640.91 จุด และระดับต่ำสุด 1,608.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 123,472 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศโดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า โดยปรับตัวลดลงประมาณ 2% แม้แต่ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ปรับลงแรง 800 จุดเช่นกัน ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปช่วงบ่ายไหลลงหนัก 3% จากความวิตกกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19  ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเร่งตัวขึ้น และยังพบโควิดสายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้อีก  ถือเป็นสัญญาณที่รุนแรงขึ้น

ระกอบกับอีกปัจจัยเดิมๆที่กดดันต่อเนื่อง คือ  ปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐที่สูง นำไปสู่การลด QE มากขึ้นและแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอาจปรับขึ้นเร็วกว่า ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีแรงขายออกมามากขึ้น และดัชนีฯหลุดแนวรับหลายแนวรับด้วย
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะซึม ให้แนวรับ 1,600 จุด แนวต้าน 1,630 จุด  ช่วงปลายเดือนนี้แนะติดตาม MSCI Rebalance และติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการ ของสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน ทยอยประกาศ รวมทั้งต้องติดตามสถานกาณณ์โควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิดด้วย 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK    มูลค่าการซื้อขาย 6,308.47 ล้านบาท ปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
AOT        มูลค่าการซื้อขาย 4,910.53 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 3.75 บาท
SCB        มูลค่าการซื้อขาย 2,988.98 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
CPALL     มูลค่าการซื้อขาย 2,900.86 ล้านบาท ปิดที่ 60.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
BANPU    มูลค่าการซื้อขาย 2,858.21 ล้านบาท ปิดที่ 11.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

สำหรับหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 377 หลักทรัพย์ ลดลง 1,823 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 182 หลักทรัพย์